ตอนที่ 9
“กรี๊ดดดด...หาว่าพวกนิต พ่อแม่ปู่ย่าตายายนิตโง่ ปัญญาอ่อนเหรอคะ”
เสียงกรี๊ดของนิตยาทำให้พนักงานธนาคารและ รปภ.วิ่งเข้ามาดูด้วยความตกใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นิตยาอ้าปากจะบอกแต่สบสมัยชิงพูดก่อนว่าไม่มีอะไร ขอพวกเราอยู่กันตามลำพัง
หลังจากนั้นสบสมัยย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ขอให้เป็นความลับ อย่าให้รั่วไหลไปจากเราสี่คนเพื่อรอการพิสูจน์ซ้ำและค้นหาความจริงต่อไป โอมเห็นด้วยกับเหตุผลของแม่ แต่นิตยาประชดว่า
“ดูเหมือนคุณน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยนะคะ”
“นิตอย่าพูดจาอย่างนี้กับคุณแม่พี่” โอมปกป้องแม่
“ก็แล้วแต่หนูจะตัดสินใจทำยังไงกับเรื่องนี้ น้าไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยดีกว่า ขอบคุณมากค่ะคุณเพชรพราว หวังว่าคงรักษาความลับของลูกค้าได้นะคะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ดิฉันรับปากค่ะ”
นิตยาเจ็บใจมาก มึนงงสับสนไปหมด ไม่อยากเชื่อแต่ก็น่าจะเป็นไปได้ “ถ้าเพชรนี่ของปลอม แล้วของจริงมันหายไปไหน หายไปตอนไหน แล้วใครมาปล้นมัน ใครมาเอาของจริงไป ฉันขอให้คำสาปแช่งจงเป็นจริง สิ่งเลวร้ายบังเกิดแก่คนปล้นเพชรนี้ไปด้วย”
“เราต้องพิสูจน์กันอีกครั้งนะนิต มันน่าแปลกใจที่ทำไมคนสับเปลี่ยนมันถึงยอมลงทุนเอาเพชรเกรดเอมาประดับร่วมกับเพชรยอดปรารถนา”
“มูลค่าเพชรเหล่านั้นทั้งเส้นแม้ไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อยกับมูลค่าเพชรยอดปรารถนา แต่ก็ราคานับสิบล้าน อาจถึงยี่สิบล้านด้วยซ้ำ”
“เพราะไอ้อีที่มาสับเปลี่ยนมันไม่ใช่คนระดับธรรมดา มันมีเงินที่พร้อมจะยอมเสี่ยงกับการลงทุนตบตานิตครั้งนี้”
“นิตคิดว่าใครเหรอ”
“ไม่รู้...รู้แต่ว่าขอให้มันตกนรกหมกไหม้” นิตยาสาปแช่งแล้วฮึดฮัดออกไปนอกห้อง เพชรพราวเองก็ลากลับเพราะหมดหน้าที่ เหลือในห้องแค่สองแม่ลูก
โอมมองหน้าสบสมัยอย่างอดระแวงคลางแคลงใจไม่ได้
“อย่ามามองแม่แบบนั้น แม่ไม่เคยแตะต้องหรือมาใส่ใจเพชรวิเศษนั่นแม้แต่ครั้งเดียว โอมก็เห็น”
“โอมไม่ได้ระแวงคุณแม่ แต่โอมคิดว่าบางทีคุณแม่น่าจะเดาออก เพราะคุณแม่ฉลาดกว่าทั้งโอมและนิต”
“แม่ไม่เดาอะไรทั้งนั้น เลิกมองแม่แบบนี้และเลิกมาถามแม่เรื่องนี้อีก แม่จะไปเรียกนิตยามาเก็บเพชรเข้าตู้เซฟ” สบสมัยตัดบทแล้วเลี่ยงหนีทันที
ooooooo










