ตอนที่ 9
“นั่นค่อนข้างแน่ชัดแล้วนะว่าเขาเอามันไว้กับเขา แต่ถึงยังไงก็ต้องตามล่านังเปมี่ตัวดีให้ได้”
“อ๋องช่างภาพไปตามหาที่คอนโดฯ เขาบอกไม่เห็น
ทั้งสองคนมาหลายวันแล้ว ประมาณว่าเปมี่เหมือนไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ”
“แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมมันหลบกองถ่าย” เวนิกา พูดแล้วทอดถอนใจ...คิดไม่ตกไปด้วยกันทั้งสามคน
ooooooo
เมื่อพาลิลลี่กลับมาถึงบ้าน ธาวินบอกทุกคนว่าจะกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้ ให้หมอคำช่วยเก็บข้าวของของขวัญแก้ว
เด็กหญิงจะคัดค้านแต่ธาวินเดินหนี ครรชิตจึงต้องทำความเข้าใจกับขวัญแก้วทั้งเรื่องกลับกรุงเทพฯและเรื่องนำเงินไปให้ลิลลี่ ซึ่งเขาทราบดีว่าลูกสาวต้องการให้เธอไปจากบ้านนี้
ขวัญแก้วรับฟังและโอนอ่อนเพราะครรชิตมีวิธีพูดที่มีเหตุและผล แต่เด็กหญิงก็พูดตามตรงว่ายังทำใจไม่ได้ที่ต้องไปขอโทษลิลลี่ ครรชิตไม่บังคับ บอกว่าไว้ทำใจได้แล้วค่อยพูด...
ธาวินออกจากไร่เนินสลาช่วงบ่ายและคิดว่าน่าจะถึงกรุงเทพฯดึกมาก จึงโทร.บอกแม่บ้านให้จัดที่นอนสามคน ขวัญแก้วได้ยินก็ท้วงว่าทำไมสามคน บ้านเรามีสองคนแค่นั้น
ธาวินอึกอัก ลิลลี่เข้าใจรีบบอกเขาให้จอดส่งตนลงตรงไหนก็ได้ที่เป็นทางผ่านไปบ้านเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอม ขอรับผิดชอบเธอให้ถึงที่สุดและปลอดภัยที่สุด
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉัน...”
“เอาล่ะ ตามใจ ฉันจะส่งเธอให้ถึงคอนโดฯ”
ขวัญแก้วโล่งใจ ชวนทั้งสองคนร้องเพลงแก้ง่วง แต่ผ่านไปสักพักทั้งขวัญแก้วและลิลลี่ก็ผล็อยหลับ กระทั่งถึงหน้าคอนโดฯ ลิลลี่ก็ยังไม่รู้สึกตัวจนธาวินต้องมาปลุก
“ตื่นได้แล้ว หลับเป็นเด็กๆ รีบขึ้นไปหาเจ๊ของเธอ
ได้แล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะสำหรับทุกสิ่ง”
“ขอบคุณมาก ถ้าจะไม่บอกไม่เล่าให้ใครและเจ๊ของเธอฟังว่าเธอไปอยู่ที่ไหน”
ลิลลี่รับปากหนักแน่นแล้วขอตัวเข้าคอนโดฯ พนักงานแปลกใจแต่ก็ทักทายเธอด้วยดีก่อนบอกว่าไม่เห็น เปมี่ออกไปไหนหลายวันแล้ว
“ดึกแล้วเจ๊อาจจะหลับ ขอกุญแจสำรองได้ไหมคะ เกรงใจ ไม่อยากปลุกเจ๊ค่ะ”
เมื่อได้กุญแจแล้วลิลลี่รีบขึ้นห้อง เห็นแสงไฟ
ในห้องนอนเปมี่คิดว่ายังไม่หลับจึงเดินเข้าไป แต่ภายใน ห้องว่างเปล่า ส่งเสียงเรียกก็ไม่มีการขานรับ แต่มีเสียงและความเคลื่อนไหวบางอย่างในตู้
ลิลลี่ตัดสินใจเปิดตู้นั้น...สิ่งที่เห็นเล่นเอาเธอกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีด!!
ooooooo










