ตอนที่ 7
อ้ายคำยอมรับว่าน้ำสมุนไพรคนต้มกินเองได้แต่ทำให้ซ่าไม่ได้ ปัทม์แย้งว่าแต่น้ำสมุนไพรมีประโยชน์
อ้ายคำพูดตามความคุ้นชินของคนว่า คนเราถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยก็ไม่รู้สึกหรอก ลองคิดดูว่าทำไมชาวบ้านถึงเดินเข้ามาที่ไร่เราแทนที่จะไปหาหมอ ปัทม์บอกว่ามันแพง เอ้ถามว่าแล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ
“เอาจริงๆนะถ้าเอ็งยังอยากจะขายน้ำสมุนไพรก็ต้องอดทน อีกไม่กี่ปีหรอก พอคนเราเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น คนก็จะหันมาหาน้ำสมุนไพร” อ้ายคำคาดอย่างผู้มีประสบการณ์
มิ่งคล้อยตาม แต่เห็นว่าไม่ใช่ง่าย ท่าทางจะนาน ถามว่าแล้วลุงจะอยู่ถึงวันนั้นไหม
“ปากเสียนะเอ็ง!!” อ้ายคำตบหัวมิ่งผัวะ แล้วด่าต่อ “คนไม่เรียนอย่างเอ็งมันก็ได้เท่านี้แหละวะ ไปเรียนรู้เพิ่มเติมเข้าสิจะได้คิดเป็นทำเป็นกับเขา แล้วเอามาใช้กับที่นี่ คนเราน่ะไม่รู้ก็ต้องเรียน!!”
ปัทม์ฟังอ้ายคำอย่างสนใจ
ooooooo
จากประสบการณ์ที่ล้มเหลวและจากคำแนะนำของอ้ายคำ ปัทม์ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ไปพักที่บ้านครูอัญเพราะเกรงใจ รสสุคนธ์จึงเช่าบ้านญาติที่ไปอยู่ต่างประเทศให้ปัทม์ในราคาถูก
ปัทม์มาหารสสุคนธ์ตัดสินใจจะทำงานในบริษัทที่เธอชวนหลายครั้งแล้ว เพื่อหาประสบการณ์จากการปฏิบัติ แต่ปัทม์ไม่ได้บอกหรือปรึกษาหนูตุ่นกับครูอัญ รสสุคนธ์กระตุ้นให้เขาไปบอกครูอัญและหนูตุ่นเสีย
เมื่อปัทม์โทรศัพท์ไปบอกครูอัญ ครูถามว่าบอกหนูตุ่นหรือยัง ปัทม์บอกว่ายังแต่จะแวะมาเยี่ยมอีกที ปัทม์ยอมรับว่าคำถามของครูอัญวันนั้น เป็นสิ่งที่เขากังวลใจมากเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกหนูตุ่นยังไงดี
จนครูอัญบอกหนูตุ่นขณะนั่งกินข้าวกันว่าเมื่อกี๊ปัทม์โทร.มาบอกว่าลงมากรุงเทพฯแล้ว หนูตุ่นบ่นว่าไม่เห็นบอกกันเลย จะได้ไปรับ แล้วหนูตุ่นก็ยิ่งเสียความรู้สึกเมื่อแม่บอกว่าไม่ต้องไปรับหรอกเพราะปัทม์ไปเช่าบ้านอยู่เอง หนูตุ่นถามว่าแล้วพี่ปัทม์ไปเช่าบ้านอยู่ที่ไหน
“เห็นว่าเป็นบ้านของญาติเพื่อนน่ะ เลยได้เช่าราคาถูก”
“ใช่เพื่อนผู้หญิงสวยๆที่มารับวันนั้นหรือเปล่า” พฤกษ์ถาม หนูตุ่นรวบช้อนส้อมเอาจานไปเก็บทันที
“หนูตุ่นขอไปเตรียมของก่อนนะคะ เดี๋ยวอารักษ์มารับแล้วจะสาย”
ทั้งครูอัญและพฤกษ์มองหน้ากัน พฤกษ์เปรยกับน้องสาวว่านี่ก็อีกคู่ ตกลงหนูตุ่นกับอารักษ์เป็นแฟนกันหรือเปล่า ครูอัญบอกว่าตนก็ไม่รู้ ตัดบทด้วยสีหน้ากังวลว่าเรื่องของเด็กๆเขา เรามากินข้าวกันดีกว่า
ooooooo










