ตอนที่ 7
กัลป์เป็นฝ่ายตอบด้วยท่าทางขึงขัง เอาจริงเอาจัง
“ผมเชื่อว่าไอ้ฝรั่งคนนี้หนุนหลังให้ไอ้แสนเป็นใหญ่ก็เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจชั่วของมันบนผืนแผ่นดินไทยของเรา”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”
“ผมอยากให้รองรายงานเรื่องนี้กับผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้การเจมส์โดยเร็วที่สุด”
รองเพชรอึ้งไปอึดใจก่อนเค้นเสียงหัวเราะ องอาจมีสีหน้าอึดอัดพอจะเดาความคิดอีกฝ่ายได้ แต่กัลป์ไม่เข้าใจและอดเคืองไม่ได้ที่อดีตตำรวจรักษาการณ์เมืองพลทำท่าเหมือนไม่เชื่อ
องอาจจะไกล่เกลี่ยแต่ก็ช้ากว่ารองเพชรที่โพล่งออกมาอย่างอัดอั้น
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ แต่ดูผมสิกัลป์...ดูสภาพผมตอนนี้ ผมสู้กับนายแสนจนหมดอนาคตโดนเด้งมาอยู่ชายแดนแบบนี้แล้วคุณจะให้ผมช่วยยังไงอีก นี่ถ้ามีปัญหาอีกครั้งเดียวผมอาจจะถูกให้ออกจากราชการก็ได้”
“ที่พวกเรามาหารองก็เพราะเห็นว่ารองเป็นตำรวจน้ำดี กล้าได้กล้าเสียเพื่อรักษากฎหมาย แต่ถ้ารองพูดแบบนี้ ผมก็พูดได้คำเดียวว่า...ผิดหวัง”
“ผมขอโทษนะ ผมมีพ่อแม่ต้องเลี้ยง ต้องกินต้องใช้ เหมือนคนอื่น ผมยังไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเองตอนนี้”
รองเพชรพูดจบก็เดินหนี ทิ้งกัลป์ให้ยืนหงุดหงิดก่อนแขวะไล่หลังอย่างเหลืออด
“ตกลงที่รองมาเป็นตำรวจก็เพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองกับครอบครัวงั้นเหรอครับ ผมนึกว่ารองมาเป็นเพราะต้องการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ปกป้องชาติบ้านเมืองเสียอีก”
คำพูดแดกดันของกัลป์ทำให้รองเพชรได้สติ แต่ไม่ทันแก้ตัวกัลป์ก็หุนหันจากไป องอาจตามประกบและอดไม่ได้จะเตือนสติเพื่อนรัก
“จะโทษรองเพชรก็คงไม่ถูก คดีใหญ่ขนาดนี้ จะมีตำรวจคนไหนกล้ารับผิดชอบ”
“ก็เพราะไม่มีไง คนเลวๆอย่างไอ้แสนถึงกำเริบ เสิบสานแหกกฎหมายบ้านเมืองจนไม่มีขื่อมีแปอย่างทุกวันนี้”
ooooooo
คำสั่งของแสนจะให้เพลิงในคราบอินทรีย์
เข้าหอกับตะเภาภายในเที่ยงคืนกลายเป็นเรื่องโจษจันในหมู่สมุนของแสน เพลิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจแต่พยายามกลบเกลื่อนสุดความสามารถแต่เหมือนจะไม่แนบเนียนนักเพราะเหล่าสมุนเอกของแสนคอยจับตาและค่อนแคะตลอดเวลา
“เก่งไม่กลัวแต่กลัวช้าโว้ย จะเอายังไงก็เอาซะทีสิวะ ยึกยักอยู่ได้”
“ไม่รู้ล่ะ...นายแสนบอกฤกษ์หมดแค่เที่ยงคืน ห้าทุ่มเมื่อไหร่กูเริ่มเมื่อนั้น เดี๋ยวไม่ทันฤกษ์”
“นายให้พวกกูอยู่เป็นสักขีพยานรักของพวกมึง ไม่ต้องออมแรงออมเสียงนะโว้ย...เต็มที่ไปเลย เอ้า...พวกเราดื่มขอบใจบ่าวสาวกันหน่อย...สำหรับหนังสดที่จะเล่นให้พวกเราดูคืนนี้”
ตะเภาหน้าซีดเผือด อับอายแทบจะร้องไห้ เพลิงสงสารกระซิบปลอบ
“ตะเภา...ฟังนะ...ที่นี่ฉันคือคนเลวที่สุด ร้ายที่สุดและโหดที่สุด นอกจากฉันแล้วเธอไม่ต้องกลัวอย่างอื่น...จะไม่มีใครแตะต้องเธอได้...นอกจากฉัน”
ในที่สุดเวลาเที่ยงคืนก็มาถึง...เหล่าสมุนเอกของแสนแอบส่องช่องเล็กๆหน้าห้องเพื่อดูให้แน่ว่าอินทรีย์ยอมเข้าหอกับตะเภาหรือไม่ เพลิงได้ยินเสียงคนซุบซิบก็เดาว่าคงไม่แคล้วถูกจับผิดจึงพยายามแสดงให้สมบทบาท
ตะเภากระเถิบตัวหนีแต่ก็ถูกเพลิงลากตัวมา
กอดแน่นพลางกระซิบข้างหู










