ตอนที่ 15
“ก็ได้ งานนี้เสือคล้อยนำอยู่แล้วนี่ ว่าไงว่ากัน”
คล้อยไม่พูดอะไรต่อ ส่วนดำเจ้าของม้าบอกสมุนของตนให้ผูกม้าไว้ดีๆ แล้วทำตามแผนของเสือคล้อยทุกอย่าง พร้อมกับมอบหมายให้ลูกน้องคนหนึ่งที่มีนกเหยี่ยวเฝ้าม้าไว้ที่นี่
อรรถกับดาวจับตามองพลางพูดคุยกันได้ยินแค่สองคน
“แผนของเสือคล้อยจะได้ผลไหมคะคุณอรรถ”
“ฉันไม่สนแผนอะไรทั้งนั้น จุดจบคือไอ้ตะวันต้องตายสถานเดียว” อรรถดุดันจริงจังจนดาวนิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรอีก
ooooooo
บริเวณศาลหม่องโปตู...หลวงพ่อปรากฏตัวอีกครั้ง วางหนังเสือไว้ที่อูซานเพื่อทำให้เขาได้กลับไปเห็นความจริงในอดีตเหมือนอย่างที่ตะวันเพิ่งประจักษ์แก่สายตาตัวเองมาก่อนหน้านี้ โดยมีหม่องโปตูเป็นผู้นำพา
หลังจากอูซานรับรู้ว่าอองทีกับเม้ยเจิงรักกันอยู่ก่อน แต่เขาเองที่มาแอบชอบเม้ยเจิงทีหลัง สิ่งที่ฝังใจว่าอองทีคือเพื่อนทรยศจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมจึงกระจ่างในวันนี้
“แบบนี้นี่เองเหรอ” อูซานครางออกมาอย่างรู้สึกผิดต่อหน้าหม่องโปตู
“ใช่ นี่คือความจริง เรื่องนี้ไม่มีใครผิด เจ้ามารักนางก็เพราะไม่รู้ว่านางเป็นคนรักของเพื่อน พอเห็นเขาอยู่คู่กัน เจ้าก็คิดว่านั่นคือการโดนหักหลังซึ่งมันไม่ใช่ เจ้าไม่ผิด แต่เพราะไม่รู้”
“ผิดสิ ข้าผิดที่ขลาดเขลาเบาปัญญา ไร้สติไม่ยั้งคิดจนถึงขั้นพลั้งมือฆ่าเขาสองคนไป ข้าผิดนัก”
“นี่แหละ...ถึงบอกใครก็ตามที่ใช้อารมณ์ ขาดสติ ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบก็รับรู้อยู่ด้านเดียว เมื่อเจ้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วก็คงถึงเวลา...อดีตมันเกิดขึ้นและผ่านไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เจ้ายังแก้ไขเรื่องในอนาคตได้ กลับร่างของเจ้าได้แล้วอูซาน”
“ข้าขอบคุณท่านที่ทำให้ข้ากระจ่างกับเรื่องที่ผ่านมา และข้าขออภัยที่ล่วงเกินท่านด้วย”
“สำหรับข้า...คนไม่รู้คือไม่ผิด ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา เจ้าไปได้แล้ว”
อูซานพนมมือไหว้หม่องโปตู...พลันร่างของอูซานที่นอนนิ่งบาดเจ็บอยู่ต่อหน้าทุกคนก็ขยับเขยื้อนและลืมตาขึ้นเรียกพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นไรแล้วลูกพ่อ”
หลวงพ่อยิ้มบางๆ ยื่นหนังเสือคืนให้จอปาแล้วหายไปโดยไม่ทันมีใครสังเกต กลุ่มของสวัสดิ์จับตามองด้วยสีหน้าและท่าทีสุดทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อูซานกวาดตามองและมาหยุดอยู่ที่ตะวันซึ่งยืนคู่กับพิมพ์สาย แววตาอูซานเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่มีอาฆาตมาดร้าย มีแต่ความเป็นมิตรเข้ามาแทนที่
“อองที...ข้าขอโทษด้วยเพื่อน”
ตะวันเข้าใจทันที สองคนไม่พูดอะไรกันมากโผเข้าสวมกอดกันแนบแน่นท่ามกลางสายตาของทุกคนที่คาดไม่ถึง จ่าชัยประหลาดใจถึงกับพูดโพล่งว่า










