ตอนที่ 14
“พอได้แล้ว! หยุด! อย่าทำอย่างนี้”
“หวังว่าคุณคงเชื่อสักทีนะ ของพวกนี้มันไม่มีค่าสำหรับผมเลย ถ้าคุณอยากได้นักก็เก็บกวาดไปจากบ้านผม อย่าให้เหลือสักชิ้น แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
ป้องกุลพูดตัดเยื่อขาดใยแล้วเดินเข้าบ้าน
อาริสาร้องไห้หัวใจแตกสลายทรุดลงเก็บเศษดอกไม้และรูปถ่ายที่ถูกฉีกทิ้ง ส่วนป้องกุลทำใจแข็งทั้งที่เจ็บปวดไม่แพ้อาริสา เขาผลุนผลันเข้ามาในห้องนอน เก็บกลั้นความเจ็บปวดไม่ไหวปล่อยน้ำตาไหลออกมาครู่หนึ่ง แล้วตั้งใจจะกลับลงมาปลอบอาริสาแต่ต้องหยุดชะงักเพราะได้ยินเสียงใครบางคน
หมอเอกนั่นเอง...เขาเข้ามานั่งข้างอาริสา ป้องกุลตัดใจเด็ดขาดผละไปทางโรงรถแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทันที
หมอเอกใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองห้ามเลือดที่มืออาริสาก่อนใช้มือปาดน้ำตาเธออย่างแผ่วเบา
“กลับบ้านเถอะนะ”
อาริสาไม่มีคำพูดใดๆ โผซบอกเขาร้องไห้อย่างคนใจสลาย เมื่อถึงบ้านเขมที่หมอเอกพากลับมาอาริสาก็เอาแต่นั่งเหม่อมองเศษรูปถ่ายและดอกไม้ที่เก็บเอามา ปล่อยให้หมอเอกทำแผลที่มือ
“เจ็บมั้ย...ถ้าเจ็บบอกผมนะ”
“ริสาไม่เจ็บหรอกค่ะ ริสาคงเจ็บจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว”
หมอเอกหน้าเจื่อน...รู้สึกผิดเพราะที่ผ่านมาตัวเองทำให้อาริสาเจ็บมากเหมือนกัน
ooooooo
บรรยากาศหน้าบ้านหลังใหญ่ของอาม่าเงียบสงบในยามเช้าตรู่ อาม่าค่อยๆเปิดประตูเพื่อจะออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย แต่ต้องชะงักตกใจเมื่อเห็นหลานชายนั่งเหม่อลอยที่เก้าอี้หน้าบ้าน
“ป้อง...มานั่งทำอะไรตรงนี้ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อคืนครับ”
“ทำไมไม่เรียกอาม่า”
“ผมไม่กล้ารบกวนอาม่า”
“รบกวนอะไรกัน”
อาม่าเป็นห่วงรีบนั่งข้างๆแล้วกอดปลอบ...รับรู้ว่าหลานมีปัญหาแน่
“ป้องเป็นอะไรลูก บอกอาม่าซิ”
“คนอย่างผมเกิดมาทำไมครับอาม่า”
“ทำไมพูดอย่างนี้”
“เกิดมาพ่อแม่ก็ไม่ต้องการ ไม่มีใครรักผม”
“อาม่าไงลูก อาม่ารักป้องไงลูก”
“นอกจากอาม่า...ชีวิตผมไม่มีใครรักผมเลย”
“โธ่ป้อง...เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ยลูก”
เวลาเดียวกันนั้นอาริสามีสภาพไม่ต่างจากป้องกุล อาการเหม่อลอยยังคงอยู่ จิตใจย่ำแย่เอามากๆ หน้าตาอิดโรยเพราะนอนไม่หลับ เธอกำลังพยายามปะติดปะต่อรูปถ่ายที่ถูกป้องกุลฉีกขาดให้กลับมาเหมือนเดิม
เขมอยู่ในชุดนอนลงมาจากห้องยืนมองอาริสาแล้วถอนใจด้วยความสงสาร
“นอนบ้างเถอะริสา เธอนั่งแปะรูปอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ยังไม่ได้นอนเลย วันนี้เธอเข้าเวรบ่ายเดี๋ยวเธอจะไม่ไหว”
อาริสารับฟังแต่ไม่สนใจที่เขมพูด ยังหยิบเศษรูปถ่ายที่ถูกฉีกมาวางวัดให้ลงรอยแล้วเอาสกอตช์เทปใสแปะ เขมทนไม่ไหวเข้ามาจับมืออาริสาหมับ
“พอได้แล้วริสา เธอไม่เห็นเหรอ ต่อให้เธอพยายามต่อรูปยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม”
“ฉันก็พยายามอยู่นี่ไง”
“แปะยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม มันพังแล้วริสา เรื่องของเธอกับเด็กคนนั้นมันจบแล้ว”
อาริสาชะงักแล้วก้มหน้าร้องไห้ เขมนั่งข้างๆ กอดปลอบเพื่อนรัก
“เธอยอมรับความจริงเร็วเท่าไร เธอก็จะเข้มแข็ง เร็วเท่านั้น”
“ฉันผิดเอง ฉันไม่น่าดึงป้องมาเลย”
“บางที...เธอกับเด็กคนนั้นมันอาจไม่ใช่ความรัก เด็กคนนั้นเข้ามาตอนเธอไม่มีใคร”
“แล้วถ้ามันใช่ความรักล่ะเขม”
“มันก็จบแล้วอยู่ดีริสา ถ้าเธอไม่อยากทำร้ายตัวเธอหรือเด็กคนนั้นอีก ก็ลืมมันซะ อย่ายุ่งกันอีกเลย”
อาริสาพูดไม่ออก เอาแต่ร้องไห้ เขมนึกได้บอกว่า
“หมอเป็นห่วงเธอมากนะ โทร.ถามฉันทั้งคืนว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”
อาริสามองมือข้างที่พันแผลที่หมอเอกทำให้เมื่อคืนแล้วนึกถึงคำพูดอาทรห่วงใยของเขา...เธอเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ตัวเธอยังไม่พร้อม เขมมองออกว่าเพื่อนแย่มากจึงถามว่า
“ให้ฉันลางานไหมริสา”
“ไม่ต้อง ฉันอยากไปทำงาน”
“แต่เธอยังไม่ได้นอนเลยนะ ถ้าหมอรู้ หมอคงไม่ให้เธอ...”
“เขม...อย่าเพิ่งพูดถึงหมอตอนนี้ได้ไหม ฉันรู้ว่าหมอรู้สึกยังไง แต่ฉันยังไม่พร้อม”
“แต่หมอคือความจริงที่เธอจับต้องได้นะริสา”
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าหมอเคยทำอะไรฉัน”
“จำได้...ตอนหมอทำเธอเสียใจ ฉันก็โกรธ แต่พอเห็นหมอสำนึกผิดแล้วพยายามแก้ไข ฉันก็อดสงสารหมอไม่ได้ ระหว่างหมอกับลูกชายของเกศ เธอรู้อยู่แก่ใจว่าใครที่เป็นไปได้ เธอจะไม่ให้โอกาสหมออีกเลยเหรอริสา”
อาริสามองเขมแล้วลุกขึ้นอย่างเหนื่อยทั้งร่างกายและหัวใจ พูดเฉไฉเรื่องอื่น
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันคิดมาก ให้ฉันไปทำงาน อย่าให้ฉันอยู่เฉยๆเลยนะ”
เขมนิ่งไปอย่างจนใจ
ooooooo
บ่ายนั้นอาริสากับเขมเดินตรงมาทางห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาล อาริสาสีหน้าอิดโรยเพราะนอนน้อย ห่างออกไปหมอเอกกำลังคุยกับหัวหน้าแผนกพยาบาลฉุกเฉิน พอพี่นกหัวหน้าพยาบาลเหลือบเห็นอาริสาก็ร้องทัก
“นั่นไงคะหมอ ริสามาพอดี”
หมอเอกมองอาริสากับเขมแล้วพูดกับหัวหน้าพยาบาล “ริสาเพิ่งมาเข้าเวรบ่าย เดี๋ยวผมขอพยาบาลคนอื่นไปก็ได้”
“ให้ริสาไปช่วยหมอเถอะค่ะ วันนี้คนไข้ของหมอเยอะ แล้วพยาบาลผู้ช่วยของหมอยังป่วยอีก”
“มีอะไรเหรอคะ” อาริสาสงสัย
“พอดีพยาบาลผู้ช่วยของผมป่วย ผมเลยมาขอพยาบาลจากแผนกอื่นไปช่วย”
“ริสาช่วยหมอเอกหน่อยนะ ริสาเป็นภรรยาของหมอ ยังไงก็รู้ใจกันมากกว่าพยาบาลคนอื่นจริงไหมคะหมอ”










