ตอนที่ 14
“หมอไม่เชื่อใช่ไหมว่าริสาจะทำอะไรเลวๆอย่างนั้นได้ เพราะริสารักหมอมากไงคะ ริสาถึงทำอะไรก็ได้เพื่อแก้แค้นเกศโดยไม่สนใจว่ามันถูกหรือผิด แม้แต่หลอกใช้ป้องทำให้เกศเจ็บ ริสาก็ทำแล้ว”
คำพูดทั้งหมดนั้นทำให้ป้องกุลเจ็บปวดแทบทรุด เขาทนมองอะไรที่เกี่ยวกับอาริสาต่อไปอีกไม่ไหว คว้าช่อดอกไม้เขวี้ยงทิ้งแล้ววิ่งขึ้นเตียงกระชากรูปอาริสาจากผนังเพื่อจะทำลาย แต่แล้วเขาก็ทำไม่ลง กอดรูปนั้นแน่นพร้อมปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่อาริสาหลอกใช้เขาทำร้ายแม่ตัวเอง...
ooooooo
หลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวระหว่างป้องกุลกับอาริสาจนแน่ใจแล้ว...เกศิรินที่ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลถึงกับนอนซมสีหน้าเคร่งเครียดโกรธแค้นอาริสาที่หลอกใช้ป้องกุลเป็นเครื่องมือแก้แค้นตนเอง
เมื่อมีญาติก็ไม่ใช่เพื่อนก็ไม่เชิงโผล่มาทั้งที่ไม่ได้เชื้อเชิญ เกศิรินยิ่งหงุดหงิดจ้องมองสุนิดาที่เปิดประตูเข้ามาทักทายอย่างอารมณ์ดี
“ฮัลโหลลลลลลลล...”
“ออกไป!!” เกศิรินแผดเสียงไล่ตะเพิด แต่สุนิดาทำหูทวนลม พูดเป็นต่อยหอย
“ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้เอาดอกไม้มาเยี่ยม พอดีฉันไม่แน่ใจว่าสภาพเธอตอนนี้ฉันควรซื้อช่อดอกไม้มาเยี่ยมหรือรอเอาพวงหรีดไปวางหน้าโลงศพเลยดี”
เกศิรินทนไม่ไหวลุกขึ้นหยิบของบนโต๊ะข้างเตียงจะปาใส่ แต่สุนิดาจับแขนอีกฝ่ายล็อกไว้ได้เสียก่อน
“ออกไป...ก่อนที่ฉันจะเอาเสาน้ำเกลือฟาดปากแก”
“นี่แหละจุดจบของผู้หญิงที่ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ไม่ต้องรอให้ตายมันก็ตกนรกทั้งเป็น”
“ฉันบอกให้ออกไป!!”
“ฉันไปแน่...เพราะสิ่งที่ฉันอยากเห็นตอนนี้ฉันได้เห็นแล้ว อุตส่าห์ลงทุนปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อแย่งผัวอาริสา สุดท้าย...ขนาดเด็กในท้องยังไม่เอาแกเป็นแม่เลย”
เกศิรินโกรธผลักสุนิดาเต็มแรงแล้วลุกขึ้นจากเตียงจะตบซ้ำ แต่สุนิดาจับมือเธอไว้พร้อมเยาะเย้ย
“ตอนนี้หมอทิ้งแกกลับไปรักริสา เจ็บมั้ย ทรมานมั้ย แต่อย่าเพิ่งเจ็บจนตายนะ รอดูว่าที่ลูกสะใภ้ของแกก่อน”
“แกพูดอย่างนี้...อย่าบอกนะว่าแกรู้เรื่องด้วย”
“ฉันตามแกทุกฝีก้าว ทำไมฉันจะไม่รู้ อาริสานี่เห็นเฉยๆแต่ก็ร้ายใช่เล่น แกฟันผัวเขา เขาก็เลยฟันลูกชายแก”
“แปลว่าริสาตั้งใจยุ่งกับลูกฉันใช่มั้ย”
“ใช่! แบบนี้เรียกว่าวินวินได้มั้ย ไม่สิ...ต้องบอกว่าอาริสาวินคนเดียวเพราะไม่ได้แค่ลูกชายแก แต่ยังได้ผัวคืนด้วย ส่วนแก...นอนแห้งตายอยู่คนเดียว”
เกศิรินดิ้นรนยกเท้าถีบสุนิดาจนเซไป สุนิดาเจ็บแต่ก็ยังไม่วายปากยื่นปากยาว
“คลั่งเลยอีเกศ ทั้งผัวทั้งลูกชายรุมรักอาริสาหมด ไม่มีใครเอาแกสักคน...โคตรสะใจ”
เกศิรินโกรธสุดขีดพุ่งเข้าตบสุนิดาแต่โดนผลักออกมาจนล้มกองกับพื้น สุนิดาหัวเราะสะใจก่อนเดินออกจากห้องไป เกศิรินทำอะไรไม่ได้นอกจากตีอกชกตัวระบายความโกรธแค้นที่แน่นอก
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้นอาริสาเตรียมออกจากบ้านเขม ไปพบเกศิรินเพื่ออธิบายความจริงว่าตอนแรกตนอยากแก้แค้น แต่ตอนนี้ตนไม่มีความแค้นแล้ว ความรู้สึกของตนกับป้องกุลไม่ใช่เรื่องหลอกลวง
เขมเกรงจะมีปัญหาลุกลามบานปลายจึงพยายามท้วงอาริสาไม่ให้ไป แต่สุดท้ายห้ามไม่ได้จึงต้องติดตามไปด้วยเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกัน
วันนี้หมออนุญาตให้ลัดดากลับบ้านได้ หมอเอก จึงมากำชับยิ้มให้ช่วยแม่ของตนเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บข้าวของ ตนจะไปเคลียร์ค่ารักษา พอหมอเอกจะออกจากห้องลัดดารีบเรียกไว้
“เอก...นังเกศมันแท้งแล้ว ไม่ใช่ว่าจะกลับไปหาริสานะ”
หมอเอกเอือมระอาแต่พยายามพูดอย่างข่มอารมณ์ “แม่เจ็บขนาดนี้ แม่ยังไม่หยุดเหรอครับ”
ลัดดาไม่สนสิ่งที่ลูกเตือน พูดพล่ามเรื่องการบูรยังรอเขาอยู่ แต่หมอเอกไม่อยากฟัง แทรกขึ้นว่าเดี๋ยวตนมารับ...แล้วเดินลิ่วไปเลย ทิ้งให้ลัดดาฮึดฮัดขัดใจเป็นที่สุด
อาริสากับเขมมาถึงโรงพยาบาลและกำลังเดินไปทางห้องเกศิริน หมอเอกเดินสวนมาพอดี สองฝ่ายมองกันนิ่งไม่มีใครเอ่ยอะไร จนกระทั่งเขมทำลายความเงียบขึ้น
“สวัสดีค่ะหมอ”
หมอเอกยิ้มบางๆให้เขมก่อนถามอาริสาว่ามาเยี่ยมเกศิรินหรือ
“ค่ะ ริสาอยากคุยกับเกศเรื่องป้องค่ะ”
“เกศกลับบ้านไปแล้ว ลูกชายมารับ” พูดจบหมอเอกมองอาริสาอย่างน้อยใจก่อนเดินออกไป
อาริสาไม่รีรออีกต่อไป รีบร้อนไปเหมือนกันโดยมีเขมตามติดอีกเช่นเคย...
เวลาเดียวกันนั้นป้องกุลพาเกศิรินมาถึงบ้านแล้ว เกศิรินนั่งพักที่โซฟา ป้องกุลหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของแม่มาวางข้างๆ
“แม่นอนห้องนอนเล็กนะครับ ผมทำความสะอาดไว้ให้แล้ว”
“ขอบใจนะป้องที่รับแม่มาอยู่ด้วย”
“เพราะผมรู้ว่าตอนนี้แม่ไม่อยากอยู่คนเดียวหรอก”
เสียงกริ่งหน้าประตูรั้วดัง เกศิรินชะเง้อมองออกไปด้วยความสงสัยว่าใครมา แต่ป้องกุลยืนนิ่งเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นใคร?
เมื่อลูกชายนิ่งเฉยไม่สนใจเสียงกริ่งที่ยังดังต่อเนื่อง เกศิรินเริ่มรู้ทันว่าใครมาจึงแกล้งลุกขึ้นทำท่าจะไปเปิดประตู
“เดี๋ยวแม่ไปดูให้ว่าใครมา”
ป้องกุลจับมือแม่ไว้และพูดนิ่งๆ “ไม่ต้องเปิดครับ”
“เพราะป้องรู้ใช่ไหมว่าใครมา”
ป้องกุลยืนนิ่งไม่ต้องการพูดถึง กลัวตัวเองแสดงความเจ็บปวดให้แม่เห็น
“ผู้หญิงที่วันนั้นอยู่บ้านป้องคืออาริสาใช่มั้ย”
“อย่าพูดถึงเขาอีกเลยครับ มันจบไปแล้ว ผมไม่อยากเจอเขา”










