ตอนที่ 14
ป้องกุลกระชากหมวกกันน็อกจากมืออาริสาคืนมาพร้อมตวาดไล่ “ผมไม่มีอะไรจะคุย ออกไป”
อาริสาไม่สน ดึงหมวกกันน็อกปาทิ้งทันที “ฉันไม่ไป เราต้องคุยกันก่อน ทำไมไม่รับสาย ทำไมไม่ติดต่อกลับหาฉัน”
เขาหงุดหงิดโมโหลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วตะเบ็งเสียงใส่เธออย่างรำคาญ “เพราะงานของผมมันจบแล้วไง”
“งานอะไร”
“คุณดูไม่ออกจริงๆเหรอ ผมหลอกคุณมาตลอด เอาจริงๆนะ ผมเคยรู้สึกผิดที่หลอกคุณ แต่พอผมรู้ว่าคุณก็หลอกผม ผมโคตรโล่งอกเลยที่เราเลวพอกัน งานนี้ถือว่าเจ๊ากันนะ”
“ฉันไม่รู้ว่าแม่เธอบอกอะไรกับเธอบ้าง ฉันเข้าใจที่เธอโกรธฉัน แต่อย่าพูดประชดกันอย่างนี้”
“ฟังดีๆนะ เพราะผมไม่อยากพูดบ่อย รำคาญ ผมไม่ได้พูดประชดอะไรคุณเลย แม่ของผมไม่จำเป็นต้องบอกอะไรผม เพราะผมรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนของแม่ตั้งนานแล้ว ผมถึงเลือกคบคุณ”
ป้องกุลพูดจริงจังและเย็นชาจนอาริสาหวั่นไหวว่าเขาพูดจริง ใจเริ่มแกว่ง น้ำตาคลอ แต่ยังพยายามข่มไว้
“แล้วยังไงต่อ”
“ดูคุณไม่แปลกใจที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นแปลว่าสามีของคุณคงบอกคุณแล้วว่าที่ผมคบกับคุณเพราะอะไร”
“ฉันต้องการฟังจากปากเธอ”
“โอเค คุณคิดว่าเด็กอย่างผมจะรักผู้หญิงรุ่นแม่ได้จริงเหรอ”
“ถ้าเธอไม่รักฉัน แล้วมาดูแลฉันทำไม”
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมเคยทำงานอะไร จริงๆต้องขอบคุณประสบการณ์จากงานของผมนะที่ทำให้ผมไม่ตะขิดตะขวงใจเวลาแสดงความรักหรือนอนกับผู้หญิงรุ่นแม่”
ฉาด!! อาริสาทนฟังไม่ไหวตบหน้าเขาสุดแรง ป้องกุลนิ่งไม่แสดงอาการเจ็บ
“ฉันเข้าใจว่าเธอโกรธที่ฉันหลอกเธอ เธอถึงทำร้ายความรู้สึกของฉัน เธอจะด่าว่าฉันเลวยังไงก็ได้ แต่อย่าเอาความรักของเธอกับฉันมาพูดเล่น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ได้”
“ผมก็ไม่อยากทำลายชีวิตคุณหรอกนะ แต่ลืมสิ่งที่ผมทำเถอะคุณอาริสา เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง”
“แล้วเธอทำทำไม เธอบอกฉันสิบอกฉันมา” เธอโถมตัวเข้าทุบอกเขาอย่างเจ็บใจ
“ก็เพราะผมดึงคุณออกจากสามีคุณเพื่อให้แม่ผมอยู่กินกับสามีคุณได้ไง”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ผมพูดความจริงคุณกลับไม่เชื่อ เพราะคุณเป็นอย่างนี้ไง คุณถึงโดนสามีทิ้ง วันๆเอาแต่คิดว่าโลกมีแต่สิ่งสวยงาม ลืมตามองความจริงได้แล้ว คิดง่ายๆ ระหว่างคุณกับแม่ผม คุณคิดว่าผมจะเลือกคุณเหรอ”
อาริสาสุดเจ็บปวด น้ำตาไหลพรากเริ่มเชื่อว่าเขาอาจไม่ได้รักเธอ ขณะเดียวกันป้องกุลก็จำต้องพูดและแสดงออกตรงกันข้ามทั้งที่ในหัวใจโคตรเจ็บเพราะเขารักผู้หญิงคนนี้หมดใจ!
ป้องกุลตัดใจทำเป็นไม่แยแสอาริสา ก้มหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาใส่และทิ้งท้ายว่า
“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกันที่หลอกให้คุณรัก แต่ตอนนี้สามีคุณกลับมาหาคุณแล้วนี่ คุณก็ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ยังไงคุณออกไปจากบ้านผมได้แล้ว ผมต้องไปหาลูกค้า ผมไม่ได้เจอลูกค้าหน้าใหม่ๆมานานแล้ว”
จากนั้นขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ตอาริสาที่เหมือนจะยอมเลิกรา แต่จู่ๆเธอกลับเดินดุ่มเข้าบ้านเขา เล่นเอาป้องกุลลงจากรถแทบไม่ทัน ถลาไปดึงแขนเธอไว้
“ผมบอกให้คุณออกไปไง”
อาริสาสะบัดมืออย่างแรง เปลี่ยนจากเสียใจเป็นฮึดสู้
“ฉันต้องการของของฉันคืน”
“บ้านผมไม่มีของของคุณแล้ว”
“มี!!” เธอพูดแค่นั้นก็เดินต่อ ป้องกุลก้าวตาม มาขวางพร้อมตวาดดุดันเอาจริง
“ออกไป!!”
อาริสาจ้องหน้าป้องกุลอย่างเอาจริงเหมือนกัน “ถอยไป” แล้วผลักเขาเพื่อให้พ้นทางแต่ไม่สำเร็จ
“ผมบอกว่าไม่มีอะไรไง”
“ถ้าไม่มีก็ปล่อยฉัน”
อาริสาทั้งดิ้นและทุบตีเขาพัลวันแล้ววิ่งเข้าบ้านขึ้นบันไดไปอย่างเร็ว
ooooooo
เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเพื่อจะเอาของของตนคืน แต่บนผนังวางเปล่าไม่มีรูปถ่ายที่เคยแขวนอยู่ อาริสายืนอึ้ง ความรู้สึกเจ็บลึกแผ่ซ่านแทบทรงตัวไม่ไหว ป้องกุลตามเข้ามาเห็นสีหน้าท่าทีของเธอก็เดาได้ไม่ยาก
“เห็นรึยัง ที่นี่ไม่มีอะไรของคุณอีกแล้ว”
“รูปของฉันอยู่ไหน”
“ละครมันจบแล้ว ผมจะเก็บรูปประกอบฉากไว้ทำไม”
“ฉันถามว่ารูปของฉันอยู่ไหน”
“ทิ้งไปแล้ว”
ป้องกุลจับตัวอาริสาทั้งลากทั้งผลักให้ออกจากห้องแสดงความไม่ไยดี
“ออกไปจากห้องผม คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องนี้อีกแล้ว ออกไป”
อาริสายังดิ้นไม่ยอมออกจากห้องนอน ผลักเขาแล้วไปเปิดตู้เสื้อผ้าเห็นรูปถ่ายและช่อดอกไม้เหี่ยวเฉาวางอยู่ข้างใน
“ออกมา” ป้องกุลดึงอาริสาแต่เธอสะบัดด้วยแรงที่มีทั้งหมดแล้วหยิบรูปถ่ายกับช่อดอกไม้นั้นมา
“ไหนบอกว่าทิ้งแล้วไง”
ป้องกุลจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้อาริสาเห็นว่าตนไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยแล้วจริงๆ จึงกระชากรูปและดอกไม้จากมือเธออย่างแรง
“กำลังจะเอาออกไปทิ้งนี่ไง”
อาริสาไม่ยอมง่ายๆ วิ่งออกจากห้องตามเขาลงมาข้างล่างแล้วแย่งคืนของสองอย่างนั้น
“ฉันบอกให้หยุด ฉันไม่ให้เธอทิ้ง”
“แต่ผมจะทิ้ง เพราะมันไม่ได้มีค่าสำหรับผม”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อใช่มั้ย”
พูดขาดคำป้องกุลกระชากรูปกับดอกไม้อีกครั้ง แต่อาริสาไม่ยอมปล่อยมือจึงเกิดการยื้อยุดกันไปทางหลังบ้าน แรงยื้อที่สองฝ่ายต่างไม่ยอมทำให้อาริสาเจ็บมือจนเลือดซิบ ป้องกุลแย่งของสองอย่างนั้นมาได้ก็เอาไปฟาดกับเก้าอี้แล้วปาทิ้งลงพื้นโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของอาริสา
นอกจากฟาดแล้วเขายังกระทืบดอกไม้ก่อนจะฉีกรูปขาดเป็นชิ้น อาริสาทนไม่ไหวตบหน้าเขาอีกฉาดด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด










