ใครๆ ก็ชอบคนดี อยากได้คนดีมาทำงาน แต่มีหลายครั้งที่ประเทศ ไทยและหน่วยงานต่างๆติดกับดักคนดี ไม่กล้าเอาคนเก่ง มาใช้งาน เพราะกลัวโกง ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นรัฐธรรมนูญที่ตั้งชื่อเป็นฉบับปราบโกง ทุกวันนี้เห็นคาตาว่าปราบไม่ได้จริง แถมโกงหนักข้อคอร์รัปชันแนบเนียนขึ้น ทั้งยังมีคำถามตามมาว่าคนดีที่ยกย่องกันนั้นดีจริงๆหรือ แม้แต่บริษัทใหญ่หรือรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ชูคนภาพลักษณ์ดีขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ความเก่งกาจไม่พอ ก็ทำให้องค์กรถดถอยการจะใช้คนดีกับคนเก่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละช่วงเวลา ถ้ารู้จักเลือกใช้อย่างสมดุลจะเกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้ผมอยากแชร์แนวคิดเรื่อง การใช้งานคนดี-คนเก่ง กับท่านผู้อ่าน เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งในหนังสือ “Next-Gen Playbook เคล็ดลับจากคนทำงานจริง” ที่รวบรวมหลักคิดการทำงานของ “ดร.บิ๊ก” นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)ดร.บิ๊กมีคติการทำงาน ต้องทำให้คนจดจำและพูดถึง หลังเรียนจบปริญญาเอกที่ Massachusetts Instittute of Technology (MIT) มาเริ่มงานที่กองบัญชาการกองทัพไทย ทำเรื่องรักษาสันติภาพ ฝึกอบรมทั้งทหารไทยและต่างชาติ มีตึก 4 ชั้นเป็นศูนย์ฝึกอบรมของตัวเองโดยได้งบประมาณของยูเอ็นมาก่อสร้าง ทำให้ ดร.บิ๊กมีภาพจำเรื่องการรักษาสันติภาพ พอมาเป็นผู้ช่วย รมต.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปัจจุบันคือกระทรวงดีอี) ก็เป็นผู้เลือกรูปแบบของบัตรประชาชน ด้านหน้าเป็นรูปพระบรมมหาราชวัง ด้านหลังเป็นเซอร์กิตบอร์ดที่นำเสนอความเป็นไอที รูปแบบดังกล่าวใช้มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อขยับไปเป็นผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) มีภาพจำในการริเริ่ม การท่องเที่ยวโดยชุมชน คือการท่องเที่ยวกับชุมชน ต้องร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ และร่วมรับผลประโยชน์พอมาเป็นกรรมการผู้จัดการ ธพส.มีผลงานที่ทำให้คนจดจำคือ สร้างอาคาร C ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ เสร็จเรียบร้อยด้วยงบประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง จัดระเบียบการจราจรให้พื้นที่ศูนย์ราชการฯคล่องตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยตัดถนนหมายเลข 8 ไปออกโลคัลโรดเลียบถนนวิภาวดีรังสิต ตัดถนนหมายเลข 10 ไปออกถนนประชาชื่น และขยายถนนหมายเลข 11 ช่วงที่เป็น 2 เลนให้เป็น 4 เลน ทั้งยัง สร้างสวนสาธารณะ เพิ่มพื้นที่สีเขียวอีก 46 ไร่ และปลุกปั้น ธพส.คว้ารางวัลมากมายทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติในโอกาสที่จะเกษียณอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ดร.นาฬิกอติภัคฝากข้อคิดให้กับทีมงาน ธพส.เกี่ยวกับ “การเป็นคนเก่งและการเป็นคนดี” ซึ่งอาจไม่ได้มองเหมือนกับเสียงส่วนใหญ่ในสังคมไทย ดร.บิ๊กเห็นว่า ในองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ต้องการนวัตกรรม ต้องการการเปลี่ยนแปลง อาจจำเป็นต้องใช้คนเก่งก่อน เพราะคนเก่งสามารถทำได้ดีกว่า แต่ต้องใส่ระบบตรวจสอบและลงโทษอย่างเข้มงวด หากมีการกระทำผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม การลงโทษอย่างเต็มที่ไม่ได้เป็นเพียงการป้องปราม แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานและความรับผิดชอบภายในองค์กร การมีกรอบที่ชัดเจนจะช่วยให้คนเก่งใช้ความสามารถของตนได้อย่างอิสระภายใต้ขอบเขตที่เหมาะสม และตระหนักถึงผลที่ตามมาจากการกระทำของตนการสร้างสรรค์หรือเปลี่ยนแปลงองค์กรคือการต่อยอด ซึ่งคนเก่งต่อยอดได้ดี ส่วนคนดีสามารถสานต่อได้ คนดีรู้อะไรถูกผิด ชั่วดี มีหิริโอตตัปปะ มีศีลธรรม แต่หากขาดแรงขับเคลื่อน ไม่กล้าออกจาก comfort zone ก็อาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสสำคัญในการเติบโต เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในโลกความเป็นจริงของการทำงาน บางครั้งการบริหารความเสี่ยงก็จำเป็น หากจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง มีการควบคุมภายใน มีการลงโทษชัดเจน การหยิบคนเก่งขึ้นมาก็จำเป็น หากเป็นผู้บริหารสูงสุด เรามีหน้าที่ให้โอกาสเขา ให้เวทีเขา และกำกับเขาอยู่ห่างๆ เขียนกติกาให้ชัดในบทลงโทษหากทำผิดกฎหมาย หรือทุจริตคอร์รัปชัน การสานต่อกับต่อยอดเป็นคนละบริบท เราต้องใช้คนดีเพื่อสานต่อ แต่ใช้คนเก่งเพื่อต่อยอดการหาจุดร่วมที่คนดีสามารถเป็นคนเก่งได้ และคนเก่งสามารถรักษาความดีควบคู่กันไป คือ สมดุลที่ทุกองค์กรควรแสวงหา.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม