“อนุทิน” เซ็นถอนสัญชาติไทย “ลียง พัด” พบพฤติกรรมกระทบความมั่นคง ยังใช้สัญชาติกัมพูชา พัวพันค้ามนุษย์หลอกลวงไซเบอร์ ยืนยันปมชายแดนยึดประโยชน์ประเทศ เน้นทำงานนำหน้าสแกมเมอร์ ซัดคนสงสัย “อนุทิน-เนวิน” เป็นเจ้าของสแกมเมอร์ บอก “กัน จอมพลัง” มาถูกทางที่ยื่นกรมการปกครองตรวจสอบมูลนิธิ ด้าน “กัน จอมพลัง” เปิดแถลงข่าว พร้อมเผยประธานมูลนิธิฯตัวจริง ไอซ์-รักชนก บุกฟังการแถลงข่าว ณวัฒน์ เจ้าพ่อมิสแกรนด์บุกทวงเงินบริจาคคืน กัน จอมพลัง หลั่งน้ำตาขอคืนเวลาให้ครอบครัวและลูกสาว ส่วนเรื่องรถหรูอ้างขับมาตั้งแต่ขายบะหมี่ บุกมหาดไทยยื่นคำร้องให้ตรวจสอบมูลนิธิ ขณะที่ “ธรรมนัส” ปัดไม่รู้เรื่องมูลนิธิ “กัน จอมพลัง” ยกทรัพย์สินให้ ตำรวจรุกปราบอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ ส่วนเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้นำเหล่าทัพผนึกกำลังสู้ภัยคุกคามทุกด้าน จัดตำรวจ คฝ.6 พันนายรับมือเขมรไทยเริ่มดำเนินการไปอีกขั้นในการปราบปรามสแกมเมอร์ รวมทั้งกลุ่มการค้ามนุษย์ที่เป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยถอนสัญชาติไทย “ลียง พัด”เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ลงนามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องถอนสัญชาติไทย นายพัด สุภาภา หรือลียง พัด บุคคลสัญชาติไทย ที่ได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ มีพฤติการณ์ยังคงใช้สัญชาติกัมพูชา ประกอบกับได้รับรายงานข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่แสดงว่ามีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ฉ้อ โกงประชาชน จนถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ แห่งสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร เนื่องจากมีลักษณะพิเศษในการถูกอายัดทรัพย์สิน เพราะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และหลอกลวงไซเบอร์มีพฤติกรรมกระเทือนความมั่นคงในประกาศกระทรวงมหาดไทยระบุด้วยว่า เห็นว่าพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวนั้นเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคง หรือขัดประโยชน์ต่อรัฐ และขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อยู่ในข่ายถูกถอนสัญชาติไทยได้ ตามมาตรา 19 (2) (3) (4) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 และหากปล่อยไว้เนิ่นช้าออกไป จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประชาชนและสาธารณะได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 ให้ถอนสัญชาติไทยของนายพัด สุภาภา หรือลียง พัดชี้นายกฯเด็ดขาดปราบแก๊งสแกมฯนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ลงนามถอนสัญชาติไทย นายพัด สุภาภา หรือลียง พัด หลังมีรายงานยังมีพฤติการณ์ใช้สัญชาติกัมพูชาและมีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่ฉ้อโกงประชาชน เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หลอกลวงไซเบอร์ การลงนามถอนสัญชาติบุคคลดังกล่าวของนายกฯสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลได้ดำเนินการปราบ ปรามสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด ไม่ลังเลจะใช้กฎหมายจัดการกับทุกบุคคล ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระบวนการ อาชญากรรมออนไลน์หรือสแกมเมอร์ยันปมชายแดนยึดประโยชน์ ปท.ต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่พรรคภูมิใจไทยถึงเรื่องกัมพูชายอมรับเงื่อนไขของไทยจะนำไปสู่การประชุมการลงนามความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในการประชุมอาเซียนว่า ให้กระบวนการดำเนินการไปทีละขั้น หวังว่าในการประชุมผู้นำอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย จะมีการกำหนดให้มีการลงนามถ้อยแถลง ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติใน 4 เรื่องที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อถามว่าการเดินทางไปครั้งนี้จะได้ลงนามเลยหรือไม่ หรือจะมีเงื่อนไขหรือแนบท้ายอะไรต่อ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ผ่านกระบวนการ JBC (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม) และ GBC (คณะกรรมการชายแดนทั่วไป) ที่วันที่ 23 ต.ค. พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกันมา ก็นำไปสู่การลงนามในถ้อยแถลงเจรจา JBC–GBC มองอธิปไตยนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าผู้ที่ไปทำการเจรจาเพื่อให้ได้มาข้อสรุปต่างๆ ยึดผลประโยชน์ของประเทศไทย อธิปไตยของไทย เกียรติภูมิของประเทศไทย และประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นเป้าหมายสูงสุด เมื่อถามว่าผู้ประสานงานจะส่งผล JBC มาให้รัฐบาลตัดสินใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างมีความต่อเนื่อง ทั้ง JBC และ GBC จะเน้นข้อปฏิบัติที่ฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติเมื่อลงนามมี 4 ข้อ ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น กระบวนการต่างๆถือว่ามีความเพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายไทยเห็นว่า ถึงเวลาที่เหมาะสมในการลงนาม เพื่อให้เกิดแนวทางในการทำ งาน ทำต่อหน้าไม่ได้เป็นการคุยกันเพียงสองคน แต่จะมีผู้นำประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยเน้นทำงานนำหน้าผู้กระทำผิดนายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีที่นิตยสารนิวยอร์ก ไทมส์ บอกว่าไทยเป็นศูนย์กลางสแกมเมอร์อีกประเทศหนึ่ง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ ว่า มีคนตรวจสอบอยู่ ส่วนที่มีการปราบปรามแหล่งสแกมเมอร์ในกัมพูชาและเมียนมา ทำให้กลุ่มเหล่านี้ขยายมาเมืองไทย เราต้องป้องกันและปราบปราม เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม นายอนุทินกล่าวว่า มาตรการเราทำเต็มที่ เป้าหมายที่กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือต้องนำหน้าผู้กระทำผิดอยู่เสมอ ต้องดักทางทุกอย่างไว้ก่อนและแสวงหาความร่วมมือให้มากที่สุด ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ยืนยันจะเร่งจัดผู้ชำนาญการมาแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ที่กระทำผิดและทำให้เห็นความชัดเจนโดยการถอนสัญชาติไทยของนาย ลียง พัด เพราะเข้าข่ายกระทำผิด นี่คือสิ่งทำให้เห็นว่าเราทำจริง ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาในอดีตไม่จำเป็นต้องไปพูดก่อน เนื่องจากมีเรื่องความลับทางราชการและกลยุทธ์ หากพูดไปฝ่ายตรงข้ามจะหาวิธีมาแก้ไขทำให้การปราบปรามไม่สำเร็จสวน “ไอซ์” อยากวิจารณ์ให้มาทำงานผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน คัดค้านกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ว่าไม่เหมาะสมกับงาน นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ใคร เพราะ น.ส.รักชนกไม่ได้เป็นคนที่ทำงาน หากอยากทำเช่นนั้น ให้เข้ามาบริหารประเทศก่อนและทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่การทำงานของตนเป็นเช่นนี้ที่ยอมถูกด่าถูกว่ามาตลอด ที่ผ่านมาไม่มีใครยึดทรัพย์แต่นี่ยึดทรัพย์และถอนสัญชาติด้วย จะทำไปเรื่อยๆ เพราะไม่ได้จบภายใน 1-2 วัน 4 เดือน ก็ไม่จบจะทำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้โต้กลับคนสงสัยเนวิน–อนุทินเมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ ที่ต้องมารับช่วงปราบสแกมเมอร์ นายอนุทินกล่าวว่า เป็นรัฐบาลกดดันทุกวันอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องไม่เสียขวัญกับแรงกดดัน หากมั่นใจว่าทำในทิศทางที่ถูกจะทำต่อไป ใครจะพูดหรือว่าเรารับฟัง อันไหนที่เข้าท่าเราโอเค แต่ส่วนใหญ่จะไม่เข้าท่า เช่น อยู่ๆ บอกว่าปราบไม่ได้สักที แล้วมาสงสัยอนุทิน หรือเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นเจ้าของสแกมเมอร์ เป็นบทสรุปที่ซังกะบ๊วย อย่างนี้ไม่ได้ออกตัวป้องซิโน–ไทยให้เช่าตึกเมื่อถามกรณีดีเอสไอตรวจสอบบริษัทปรินซ์กรุ๊ป เช่าสำนักงานของตึกบริษัทซิโน-ไทย นายอนุทินกล่าวว่า ตึกซิโน-ไทย ใครมาเช่าได้หมด แต่ถ้าทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินการ อย่าเอามาผูกโยงหากซิโน-ไทย ทำสแกมเมอร์เองค่อยมาดูว่าเกี่ยวกับครอบครัวของตน เขามาเช่าตนได้สอบถามญาติแล้วว่าหากเกี่ยวกับสแกมเมอร์ ไม่ต้องต่อสัญญาเช่าและให้ออก การให้เช่าตึกเป็นธุรกิจอย่านำมาผูกกัน รายงานที่ได้รับพบว่ากลุ่มปรินซ์ทำผิดกฏหมาย ไม่ได้สนใจว่าอยู่ที่ไหน เมื่อทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวถามถึงการลาออกของนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง ได้พูดคุยกันแล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า พูดคุยและเข้าใจกันแล้ว ไม่กลัวว่าการแต่งตั้งนายวรภัคเป็นรัฐมนตรีจะนำไปสู่การร้องเรียนเรื่องจริยธรรม เพราะเราตรวจสอบทุกอย่าง ตอนนี้เป็นเพียงข้อครหายังไม่ถูกดำเนินคดี แต่ถ้าข้อครหามีหลักฐานก็เป็นข้อกล่าวหา เมื่อมีข้อกล่าวหาก็ดำเนินคดีไปกันเปิดแถลงข่าวเรื่องมูลนิธิอีกด้านที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ชั้น 2 เวลา 10.00 น. วันที่ 24 ต.ค. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วย น.ส.กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้และ จนท.ฝ่ายบัญชี เปิดแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นความโปร่งใสของเงินบริจาคและการดำเนินงานของมูลนิธิฯ หลังถูกตั้งข้อสงสัยในหลายประเด็น มีสื่อมวลชนให้ความสนใจมาร่วมทำข่าวจำนวนมาก รวมทั้งนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส. พรรคประชาชน ที่ปรากฏตัวเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วยเปิดตัวจริงประธานมูลนิธิฯการแถลงข่าวเริ่มจาก น.ส.กาญจนา หรืออี๊ฟสถาวร ที่ถูกระบุว่าเป็นประธานกรรมการมูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ ได้กล่าวว่า ต้องขออภัยที่ตอบคำถามล่าช้า ช่วงแรกข้อสงสัยมุ่งเป้าไปที่นายกัณฐัศว์ หรือกัน จอมพลัง กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเริ่มมีการตั้งคำถามถึงมูลนิธิโดยตรง ตัดสินใจออกมาแถลง ยืนยันว่านายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ไม่มีชื่อเป็นประธานหรือกรรมการบริหาร ตามเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิฯ เมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของข้อสงสัยจากสาธารณชนที่เข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าของโดยตรง น.ส.กาญจนายังได้เปิดเผยตัวเลขเงินบริจาคว่า มีเงินเข้ามูลนิธิฯรวม 207,350,262.04 บาท ใช้ไปแล้ว 117,673,106.02 บาท เงินคงเหลือในบัญชี 90,177,156.02 บาท มูลนิธิเปิดบัญชีเพียง 2 บัญชี ไม่มีการเบิกถอนเงินสด ได้รับการยืนยันจากตัวแทนบริษัทบัญชีด้วยยืนยันเงินไม่ได้โยกไปที่ธรรมนัสด้านกัน จอมพลัง หรือนายกัณฐัศว์ กล่าวเสริมว่า หากมีผู้ให้ข้อมูลว่ามีการนำเงินออกไป ขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณชน ส่วนประเด็นร้อนที่ถูกตั้งคำถามคือ ข้อบังคับมูลนิธิ ข้อ 39 ที่ระบุว่า หากมูลนิธิต้องเลิกล้มไป ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกโอนให้แก่มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า น.ส.กาญจนา ยอมรับว่า มูลนิธิเป็นน้องใหม่ในการดำเนินการและไม่ทราบว่าต้องมีการระบุข้อมูลส่วนนี้ ยืนยันตามหลักกฎหมายว่าเมื่อมูลนิธิเลิกและชำระบัญชีเสร็จสิ้น ทรัพย์สินจะต้องโอนให้แก่มูลนิธิหรือองค์กรสาธารณกุศลภายใต้วัตถุประสงค์เดียวกัน ขณะก่อตั้งไม่ได้สนิทสนมกับมูลนิธิอื่น แต่มูลนิธิธรรมนัสฯ พร้อมที่จะยอมรับทั้งทรัพย์สินและวัตถุประสงค์ต่อ ถือว่ามีความเหมาะสมที่สุด ณ เวลานั้น ยืนยันว่าเงินไม่สามารถถูกโยกย้ายไปที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นการส่วนตัวได้รับเคยโอนเงินบริจาคของแจ็คสัน หวังน.ส.กาญจนากล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามูลนิธิเคยโอนเงินบริจาคส่วนของแจ็คสัน หวัง ประมาณ 3 ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก เท่านั้น ยอมรับว่าคิดน้อยในส่วนนี้เนื่องจากรีบดำเนินการก่อตั้งมีการหารือกับทีมงานแล้วว่าจะมีการปรับแก้ข้อบังคับที่ 39 โดยนายกัณฐัศว์ยืนยันว่าจะเข้ามาเป็นประธานมูลนิธิเอง และประสานไปที่มูลนิธิที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงต่อไป เนื่องจากหลายคนไม่สบายใจ ส่วนความสัมพันธ์กับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รู้จักในฐานะนักการเมือง การเลือกมูลนิธิธรรมนัสฯเป็นการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ไม่ใช่การคุยส่วนตัวกับ ร.อ.ธรรมนัส นายกัณฐัศว์ ยอมรับว่า มีความสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัส แต่ยืนยันว่าการได้รับงานของกระทรวงเกษตรฯ เป็นเพียงการถูกเชิญไปทำงานเพียง 7 งาน จากงานรวมกว่า 10,000 งานในช่วง 2 ปี ยืนยันไม่มีการฮั้ว ไม่เคยได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนจากมูลนิธิ“รักชนก” บุกห้องแถลงข่าวถามตรงๆขณะที่ น.ส.รักชนกตั้งคำถามถึงการที่นายกัณฐัศว์ หรือกัน จอมพลัง ปฏิเสธความสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัส และแสดงความเป็นห่วงว่ากัน จอมพลัง กำลังเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสนับสนุนกลุ่มการเมืองใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ รวมถึงการตั้งคำถามถึง สส.รังสิมันต์ โรม ในประเด็นติดกล้องวงจรปิดชายแดนว่าเป็นการโจมตีพรรคประชาชนหรือไม่ และยังมีคำถามแหลมคมจี้ใจดำกัน จอมพลัง อีกหลายคำถาม กันตอบว่าไม่เคยใส่เสื้อผ้าของ ร.อ.ธรรมนัส เวทีที่ขึ้นไปร่วมเป็นเพียงงานฉลองไม่ใช่เวทีการเมือง ย้ำว่าจะไม่ลงเล่นการเมือง พร้อมเปิดหลักฐานแชตสนทนากับ สส.พรรคประชาชนเพื่อยืนยันความตั้งใจจริง การช่วยเหลือและการพูดถึงรังสิมันต์ โรม เป็นการสะท้อนความจริงจากพื้นที่“ณวัฒน์” บุกทวงเงินบริจาคคืนทางด้านนายณวัฒน์ได้สอบถามถึงการที่ประธานมูลนิธิฯไม่เคยเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชน และสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการขอเงินบริจาคคืน หากประชาชนไม่สบายใจ น.ส.กาญจนาระบุว่า ประเด็นการขอเงินบริจาคคืนเป็นเรื่องที่ต้องหารือในมูลนิธิฯ แต่นายกัณฐัศว์ยืนยันว่า หากนายณวัฒน์ไม่พอใจ ยินดีจะใช้เงินส่วนตัวจ่ายคืนให้เป็นการรับผิดชอบเอง พร้อมรับปากว่าจะรีบให้คำตอบต่อสาธารณชนในวันจันทร์ที่ 27 ต.ค. นายกัณฐัศว์กล่าวว่า แม้จะท้อ แต่ “มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้” จะยังคงเดินหน้าต่อไป จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่ช่วยเหลือมาทำด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อการเมือง และจะเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้ตรวจสอบปมทุจริต “มูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้” เพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสด้วยถ้า “กัน” ทำผิดก็ดำเนินการตาม ก.ม.ในเวลาต่อมา นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัน จอมพลัง เตรียมยื่นเรื่องถึงกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิกัน จอมพลังช่วยสู้ ว่า เรื่องระเบียบมูลนิธิ สมาคมต่างๆ อยู่ที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแส ต้องกำชับอธิบดีกรมการปกครองอย่างไรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ ทุกอย่างเวลาทำงานตนปิดชื่อปิดหน้า ดูในเรื่องกิจกรรมนั้นๆ พฤติกรรมและพฤติการณ์ เมื่อดูแล้วถูกต้องก็ปล่อยผ่านไป แต่ถ้ามีอะไรที่ผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมายไม่ดูชื่อ เมื่อถามว่าจะมีการแก้ระเบียบให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดว่า มูลนิธิจะต้องมีการเปิดเผยรายได้และเงินบริจาคหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปดูระเบียบเก่า ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ตรงไหนมีปัญหาเราก็ไปว่ากัน กัน จอมพลัง ยืนยันมาตลอดว่าทำทุกอย่างถูกต้อง ฉะนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวลยื่นคำร้องให้ ทม.ตรวจสอบมูลนิธิเวลา 14.30 น. “กัน จอมพลัง” เดินทางมาที่กระทรวงมหาดไทย ยื่นหนังสือร้องให้ตรวจสอบมูลนิธิ “กัน จอมพลัง ช่วยสู้” และเผยว่า หลังแถลงข่าวรู้สึกโล่งสบายใจขึ้น เพราะแฟนคลับเข้าใจ ทุกประเด็นสามารถชี้แจงด้วยเอกสารได้ ไม่ใช่แค่การพูดจากปากเท่านั้น ขณะนี้แสดงเอกสารเป็นที่เรียบร้อยเพื่อความชัดเจนโปร่งใส แสดงความถูกต้องและความชัดเจน ที่มายื่นหนังสือคำร้องตรวจสอบมูลนิธิ กันจอมพลัง ช่วยสู้ ที่ตัวเองเป็นคนก่อตั้ง เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับมูลนิธิอื่น เชื่อว่าขั้นตอนการตรวจสอบของกระทรวงมหาดไทยจะมีระบบ มีกลไกรูปแบบการตรวจสอบที่เป็นของกระทรวงอยู่แล้ว ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง กระทรวงมหาดไทยสามารถชี้อยู่ชี้ไปให้กับมูลนิธิได้เลย นอกจากกระทรวงมหาดไทย หากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. หรือหน่วยงานอื่นต้องการข้อมูลอะไรหรืออยากตรวจสอบตนก็ยินดี พร้อมให้ตรวจสอบ ถ้าเราไม่บริสุทธิ์ใจไม่มาตรงนี้ ทุกคนที่โอนเงินให้มูลนิธิมีตัวตนหมด หากเป็นการฟอกเงินหรือมูลนิธิม้าจะมายืนตรงนี้ให้ตรวจสอบทำไมขอโทษ “ธรรมนัส” ตั้งมูลนิธิไม่ปรึกษาเมื่อถามว่ารู้สึกว่าตัวเองถูกลอยแพหรือไม่ที่ ร.อ.ธรรมนัสบอกไม่รู้เรื่องและบอกว่า กัน จอมพลัง เหมือนมือใหม่หัดขับ กันตอบว่า ร.อ.ธรรมนัส พูดถูกเพราะเราทุกคนใหม่หมด เรามาด้วยความที่อยากให้ทุกอย่างรวดเร็ว ยอมรับทุกอย่างเป็นเรื่องจริงไม่โทษใคร เรื่องนี้ทำให้ส่งผลกระทบกับหลายคน ทั้ง ร.อ.ธรรมนัสที่เอาชื่อมา ในฐานะลูกผู้ชายขอยอมรับและขอโทษ การจัดตั้งมูลนิธิขึ้นมายืนยันว่าไม่ได้ปรึกษากับ ร.อ.ธรรมนัส แต่ปรึกษาเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องแยกว่าตัวมูลนิธิกับ ร.อ.ธรรมนัสไม่ใช่คนเดียวกัน พร้อมกล่าวย้ำว่า “ต้องขอโทษด้วยครับ”เผยรถหรูขับตั้งแต่ขายบะหมี่ถามว่าสนิทกับ ร.อ.ธรรมนัส ทำไมจึงไม่พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส กัน จอมพลัง ระบุว่า เพราะอยากได้ความรวดเร็ว ส่วนที่ ร.อ.ธรรมนัส ตำหนิกัน จอมพลัง ว่า ทำอะไรไม่ค่อยคิด กันกล่าวว่า ยอมรับว่าบางครั้งไม่ได้คิดเยอะ เป็นคนคนหนึ่งที่มีความผิดพลาดได้ที่มีคนกล่าวหาว่ามูลนิธิกัน จอมพลัง ช่วยสู้เป็นมูลนิธิม้า เชื่อว่าทุกคนที่โอนเงินบริจาคมา มีเจตนาให้มูลนิธินำเงินไปใช้เพื่อโครงการต่างๆ เพราะว่าใครเป็นประธาน มูลนิธิทำตามวัตถุ ประสงค์ทุกคน จะเห็นได้จากการที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด รวมถึงเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินมาใช้ส่วนตัว ไม่ได้เป็นนอมินีใคร หากใครที่เคยลงหน้างานจะทราบดีว่าตนทำงานจริงจังทุ่มเทขนาดไหน เสี่ยงขนาดไหนก็ไป ส่วนเรื่องรถหรูที่มีคนตั้งข้อสังเกต กัน จอมพลัง กล่าวว่า วันนี้ทำอะไรก็ถูกจับจ้อง เรื่องรถไม่มีอะไรซื้อแล้วไม่สามารถโอนได้จึงคืนรถไป ไม่ได้ใช้รถคันนั้นมาเป็นปีแล้ว รถหรูขับมาตั้งแต่ขายบะหมี่ ที่มีคนกล่าวหาว่ามูลนิธิถอนเงินสดออกมาจากธนาคาร อยากให้มาแสดงหลักฐานเพราะจากการตรวจสอบสเตตเมนต์ไม่พบการกดเงินสดออกมาขอพักไปใช้เวลาอยู่กับลูกเมียกัน จอมพลัง ยังกล่าวอีกว่า ส่วนบทบาทการลงพื้นที่หลังจากนี้จะขอใช้เวลาอยู่กับลูก หากวันใดสังคมเรียกร้องจะกลับมา จะหายไปนานหรือไม่ ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะสิ่งที่ขาดมาตลอด คือช่วยเหลือสังคมจนไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวและลูกสาว ถ้าทุกคนเห็นจะรู้ว่าน้องหมี่เกี๊ยว ลูกสาวหน้าตาเหมือนพ่อมาก แต่ลูกกลับบอกว่าตัวเองหน้าเหมือนแม่ เพราะไม่ค่อยได้เจอกัน เนื่องจากต้องไปช่วยเหลือสังคม อย่างไรก็ตาม มูลนิธิจะขับเคลื่อนต่อไป ยืนยันว่าไม่เคยรู้สึกเสียดายที่เคยช่วยเหลือสังคม แต่วันนี้ต้องยุติบทบาท เพราะได้ช่วยชีวิตคนหลายคนไปแล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ภูมิใจและยินดีมากๆที่ได้ลงมือทำ ผมไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน รู้ดีว่าทำอะไรอยู่และทำอะไรลงไป แค่ทุกคนเห็นเอกสารที่เปิดให้ดูคือเรื่องจริง ถ้าเราไม่ชัวร์เราต้องเละ แต่หากชัวร์ผมจะผ่านมันไปได้อย่างสง่างามตัดพ้อไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัวผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังกัน จอมพลัง ให้สัมภาษณ์เสร็จ มีสีหน้าเศร้าน้ำตาคลอเบ้าเนื่องจากมีการกล่าวถึงลูกสาวก่อนร้องไห้ออกมา ผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรอยากจะฝากถึงลูกสาวหรือไม่ กัน จอมพลัง กล่าวว่า “ผมสละเวลาของผมกับลูกมามาก เวลาที่อยู่กับลูกแทบไม่มี มันเป็นมุมของพ่อหลายคนที่เจ็บปวด ถามว่าจะมีสักกี่คนที่ทำแบบตน เชื่อว่าคงมี แต่ตนเป็นคนหนึ่งที่เอาเวลาครอบครัวมาเสียสละให้กับสังคม ยอมรับว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำผิดพลาดกับครอบครัวที่ไม่เคยมีเวลาให้ แต่พวกเขาไม่เคยห้ามในการช่วยสังคมจึงจะนำเวลาที่พักตรงนี้ไปให้ครอบครัว”หลั่งน้ำตาพูดถึงลูกสาว “หมี่เกี๊ยว”“หมี่เกี๊ยวลูก วันนี้ปะป๊าไม่รู้ว่าหนูจะรู้ในสิ่งที่ปะป๊าทำหรือไม่ แต่สักวันที่หนูโตขึ้นหนูจะภูมิใจในตัวปะป๊า สิ่งที่ปะป๊าทำ การทำความดีมันยาก ระหว่างทางอาจจะมีอุปสรรค แต่หนูจะรู้ว่ามีคนได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราทำ ถ้าหนูจะเดินทางเดียวกับปะป๊าหนูจะต้องแข็งแกร่งมากกว่าปะป๊า” กัน จอมพลัง หลั่งน้ำตากล่าวถึงลูกสาว ก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย ขอให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสของมูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้“ธรรมนัส” ปัดไม่รู้เรื่องมูลนิธิกันฯด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ที่ข้อบังคับข้อที่ 39 เขียนว่า ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไป ทรัพย์สินทั้งหมดของมูลนิธิที่เหลืออยู่ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ว่า เขาเปลี่ยนแล้วแต่ไม่ทราบว่าให้ใคร เวลาเขาทำก็ไม่มาถามเราไม่รู้เรื่องเลย เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับตนเลย ที่สำคัญคือ เรื่องนี้ทุกมูลนิธิก็ต้องกำหนด เพราะอย่างมูลนิธิธรรมนัสก็กำหนดเป็นวัดธาตุทอง ถ้ามีอะไรให้เป็นสมบัติของวัดไป เมื่อถามว่ามีการเชื่อมโยงว่ากัน จอมพลัง เกี่ยวกับพรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “มันจะถึงพรรคกล้าธรรมได้ไง ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของกัน มันน่าจะเป็นเรื่องมือใหม่หัดขับ ทำอะไรไม่ค่อยคิด”โวยสื่อไม่ถามความเดือดร้อนชาวบ้านเมื่อถามว่าได้ยกหูคุยโทรศัพท์กับกัน จอมพลัง หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกวันนี้ต้องทำงานให้ชาวบ้าน วันๆมีแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ น้ำท่วมประชาชนเดือดร้อน ไม่เคยถามตนถึงเรื่องพวกนี้เลย ทำให้ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่า เพราะท่านเกี่ยวกับการเมือง ร.อ.ธรรมนัส จึงตอบว่า ไม่ใช่ เราต้องแยกงานกับการเมืองให้ออก อยากให้สื่อมวลชนถามว่า น้ำท่วมตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว น้ำกำลังจะลงใต้เตรียมพร้อมอะไร อยากให้ถามแบบนี้มากกว่า ถ้ามาถามว่ามูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ทำอะไร ตนจะไปรู้เรื่องของเขาได้อย่างไรแถลงผลจับจีนเทาหลอกคนไทยวันเดียวกัน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผอ.ศปอส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลปฏิบัติการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ห้วงวันที่ 21-23 ต.ค.ในหลายพื้นที่ จำนวน 4 คดี คดีที่ 1 ในพื้นที่ บช.ภ.2 จ.ชลบุรี มีผู้เสียหายถูกคนร้ายหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อคุ้มครองข้อมูล รวม 252,200 บาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนจับกุมตัวได้ ขณะผู้หลอกลวงรออยู่หน้าธนาคารส่งดำเนินคดีตามกฎหมายและสามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ตามโครงการ Money Cash Back เป็นเงิน 250,000 บาทรวบจีน–เมียนมาแก๊งสแกมเมอร์พล.ต.ท.ไตรรงค์ยังแถลงถึงคดีที่ 2 ที่ตำรวจศปอส.ภ.4 ขอนแก่น ร่วมกับ จนท.ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. ชุดสืบสวน ตร.ภ.จ.ขอนแก่น และชุดสืบสวน ตม.4 จับกุมชาวจีน 4 คนและหญิงเมียนมา 1 คนได้ที่บ้านหลังหนึ่งที่หมู่ 10 ต.สำราญ อ.เมืองขอนแก่น ที่แก๊งสแกมเมอร์เช่าบ้านหรูเปิดเป็นฐานปฏิบัติการหลอกคนจีนข้ามประเทศ มีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อหลายรูปแบบทางออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พบของกลางจำนวนมาก ส่วนคดีที่ 3 ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ร่วมกับตำรวจ กก.2 บก.ตร.ท่องเที่ยว 2 จับกุมนายหู ชาวจีน พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง บัตร ATM ธนาคารต่างๆ 2,057 ใบ เงินสด 537,900 บาท หลังตำรวจพบยืนอยู่หน้าตู้ ATM ลักษณะมีพิรุธ จึงจับกุมและนำตัวเข้าตรวจค้นห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง พบของกลางทั้งหมด คุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคดีที่ 4 ตำรวจ กก.2 บก.สอท.2 จับกุมบริษัทขนส่งเอกชนที่ส่งพัสดุหลอกลวงประชาชน แล้วเก็บเงินปลายทางDSI บุกสอบผู้ถือหุ้นบริษัทปริ้นซ์ฯส่วนกรณีบริษัทปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮล ดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งมีนายเฉิน จื้อ หรือวินเซนต์ ชาวอังกฤษเชื้อสายกัมพูชา วัย 37 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ถูกทางการสหรัฐฯกล่าวหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน จากการดำเนินศูนย์สแกมเมอร์โดยใช้แรงงานบังคับในประเทศกัมพูชาต่อ มามีรายงานชี้แจงว่าบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เช่าอาคาร ซิโน-ไทย ทาวน์เวอร์นั้น ที่ อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ เลขที่ 32/28 ถนนสุขุมวิท 21 (ซอยอโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เช้าวันที่ 24 ต.ค. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม โดยกองกิจการยุติธรรมและคณะพนักงานสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เข้าพบผู้ถือหุ้น บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สอบปากคำและรับมอบพยานเอกสารตามที่ผู้ถือหุ้นประสงค์ให้ความร่วมมือชี้แจงต่อดีเอสไอ หลังสอบปากคำนานกว่า 5 ชั่วโมง บริษัทขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการสอบปากคำ แต่ยืนยันจะส่งคำสัมภาษณ์ของผู้บริหารให้ภายหลังผบ.ทุกเหล่าทัพถกปัญหาเขมรในส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เช้าวันเดียวกันที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ มี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟืองจันทร์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผบ.ทอ. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุมพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงผลการประชุมว่า ในส่วนกองทัพบกยังคงให้ความสำคัญสูงสุดในการป้องกันและรักษาความมั่นคงภายในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา สำหรับประเด็นที่ไทย-กัมพูชา มีความเห็นชอบร่วมกันผ่านการประชุม JBC และ GBC และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท เรื่องสำคัญคือ การบริหารจัดการพื้นที่ใน จ.สระแก้ว การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ประสานงานใกล้ชิดกับ ก.การต่างประเทศ ก.กลาโหม สตช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับแผนถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ที่เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุม GBC มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 2 ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชาทัพเรือพร้อมป้องภัยคุกคามทางน้ำพล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเรือนำเสนอแผนการเตรียมความพร้อมต่อการปฏิบัติภัยคุกคามทางด้านพื้นที่ตะวันออก กองทัพเรือได้รับมอบภารกิจในการดูแลอธิปไตยทางบกและทางทะเลที่ จ.จันทบุรีและตราด รวมถึงการดูแลการคมนาคมอย่างเสรีทางทะเลในพื้นที่ กองทัพเรือได้ชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติในสถานการณ์ปกติไปจนถึงสถานการณ์วิกฤติ และความพร้อมของกองทัพเรือในการใช้กำลังทางบก ทางเรือในการปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบ กองทัพเรือมีความพร้อมขึ้นตามลำดับ โดยที่ ผบ.ทร.ได้กำหนดนโยบาย ในปี 2569 ให้เป็นปีการพร้อมรบของกองทัพเรือ ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการใช้กำลังในปีนี้จัดตำรวจ คฝ. 6 พันนายรับมือเขมรด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังการประชุมว่า ในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การรับมือกับภัยคุกคามด้านตะวันออกมี 2 มิติ มิติแรก กองกำลังบูรพาขอรับการสนับสนุนกองร้อยควบคุมฝูงชน เนื่องจากมีการใช้ประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านมาก่อความไม่สงบ ผบ.ตร.สั่งการให้มีการเตรียมกำลัง 6,000 นายรองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรง และ ผบ.ตร.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของกำลังพล อีกส่วนหนึ่งคือด้านแนวหลัง สั่งการให้ตำรวจพื้นทีู่แลประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ และปฏิบัติตามแผนหากเกิดเหตุการณ์ที่จะสามารถย้ายอพยพประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย อีกมิติคือการรับมือไซเบอร์และสแกมเมอร์ ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติและ ผบ.ตร.เรียกประชุมเตรียมความพร้อม มีการเปิดศูนย์วอร์รูม มีหน่วยงานต่างประเทศในการร่วม มีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม GBC มีข้อกำหนดกับตำรวจและรัฐบาลกัมพูชา เรื่องความร่วมมือทั้งสองประเทศและได้จัดทำแผนปฏิบัติการ หลังจากนี้ไม่เกิน 2 สัปดาห์จะต้องมีการจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจเพื่อที่จะทำการกวาดล้างแกนนำหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสแกมเมอร์ทั้งหมดร่วมปราบอย่างมีประสิทธิภาพโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกหลอกลวงไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะถูกหลอกหรือสมัครใจก็ตาม จะมีมาตรการในการคุ้มครองพยานในเรื่องนี้ แผนปฏิบัติการเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเครื่องมือให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความเสียหายในส่วนทรัพย์สินของประชาชนไทยและชาวต่างประเทศที่ถูกหลอกหรือสมัครใจก็ตาม มีมาตรการในการคุ้มครองพยาน แผนปฏิบัติการเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเครื่องมือที่ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกัน ปราบปรามสแกมเมอร์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ลดความเสียหายของทรัพย์สิน ประชาชนไทยและต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบ มีการปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสแกมเมอร์ยังทะลักข้ามแดนในส่วนแก๊งสแกมเมอร์จากหลากหลายชาติที่เผ่นหนีการกวาดล้างปราบปรามของทหารเมียนมา เข้ามาในฝั่งไทยที่ อ.แม่สอด จ.ตาก นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 23 ต.ค. ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านบ้านริมเมย หมู่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ยังคงตรึงกำลังตามแนวชายแดน เฝ้าระวังแก๊งสแกมเมอร์นานาชาติที่หลบหนีจากเคเคปาร์ค แหล่งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ในเมืองเองจีเมี่ยง สหภาพเมียนมา พบชาวต่างชาติหนีข้ามแดนจากฝั่ง จ.เมียวดี เข้ามาทางช่องทางธรรมชาติใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 รวม 42 คน เป็นชาวอินเดีย 27 คน เอธิโอเปีย 12 คน และเวียดนาม 3 คนและพบชายชาวเอธิโอเปียคนหนึ่งวัย 26 ปี จำนวน 1 คน ที่มีเพื่อนช่วยพยุงหนีข้ามแดนมายังฝั่งไทยก่อนหมดสติไป เจ้าหน้าที่เรียกรถพยาบาลส่งไปรักษาที่รพ.แม่สอดอย่างเร่งด่วน เพื่อนที่หอบหิ้วชายชาวเอธิโอเปียมาเผยว่า มีประวัติถูกเครื่องช็อตไฟฟ้าระหว่างทำงานในกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ที่ฝั่งเมียนมา ล่าสุดมีชาวต่างชาติทะลักข้ามแดนเข้ามาใน อ.แม่สอด กว่า 720 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียกว่า 300 คน รองลงมาเป็นชาวจีนกว่า 130 คน และสัญชาติอื่นๆ หน่วยงานด้านความมั่นคงได้จัดกำลังพล เฝ้าระวังตลอดแนวชายแดน สกัดแก๊งสแกมเมอร์ชาวต่างชาติที่จ่อทะลักข้ามแดน และดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่