มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อหลังเสร็จสิ้นการประชุมเหมือนที่เคยทำตามปกติ สันนิษฐานว่าการประกาศนโยบายใหม่ “กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต” ไม่ได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ สะท้อนถึงกระแสความนิยมของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลตกตํ่า“กลยุทธ์ 3 แกน” ที่นายกรัฐมนตรีพูดผ่านเว็บไซต์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ วิจารณ์การแก้ปัญหาความยากจนด้วยนโยบายประชานิยมลดแลกแจกแถม ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อย่างมากก็แค่แก้ปวด รัฐบาลจึงต้องใช้กลยุทธ์ใหม่ เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ สนามบิน มุ่งให้ทุกคนรํ่ารวยกลยุทธ์ที่ 2 มุ่งสร้างอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดในโลก เช่น ยานยนต์ ไฟฟ้า กลยุทธ์ที่ 3 สร้างพื้นฐานเพื่อช่วยเหลือทุกคน เพื่อสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนด้วยตนเอง โดยผ่านระบบธนาคาร ล้วนแต่เป็นเป้าหมายที่สวยหรู มุ่งให้ไทยเป็นสังคมที่มั่งคั่งยั่งยืน และโจมตีนโยบายลดแลกแจกแถม ไม่สามารถขจัดความจนได้แต่คำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์คือการโจมตีนโยบายแก้วิกฤติเศรษฐกิจของตนเอง เพราะรัฐบาลประยุทธ์เป็นรัฐบาลหนึ่งซึ่งใช้นโยบาย “แจก” มากที่สุดจนชนเพดานเงินกู้ นักวิชาการบางคนสงสัยนายกรัฐมนตรีเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ตนพูดหรือไม่ บางคนฟันธงว่านายกฯไม่ได้พูดเอง แต่อ่านตามบทที่มีคนเขียนดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยการสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชน เชื่อว่านายกฯไม่ได้พูดเอง แต่อ่านบทที่มีคนเขียนให้ผ่านทางเครื่องอ่าน แต่ยกย่องว่าอ่านได้ดี ท่วงทำนองเข้าจังหวะดี ลีลาท่าทางการพูด บุคลิกภาพ การนำเสนอเปลี่ยนไป เป็นการสื่อสารที่ใช้ได้น่าสงสัยว่านายกรัฐมนตรีซึ่งขณะนี้ทำหน้าที่ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” เองจะเลิกล้มนโยบายต่างๆที่ทำมากว่า 8 ปีใช่หรือไม่ เช่น ยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีที่มุ่งพลิกโฉมประเทศให้เป็นสังคมก้าวหน้า ลดความเหลื่อมลํ้าเหตุที่นโยบายฝันหวานใหม่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะความเชื่อถือและความนิยมตกตํ่าอาจเป็นความจริง เป็นนายกฯมา 8 ปีแล้ว แต่แก้ปัญหาหลักๆของประเทศไม่ได้ ต้องกลับไปร้องเพลงปลอบใจคนไทยด้วยบทเพลงเก่าๆที่ว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน” 8 ปีนานพอหรือยัง?