ในสมรภูมิโควิด-19 มีคนอ่อนไหวไปกับข้อจำกัดสารพัดของรัฐบาล อ้างความรักความห่วง สร้างกรงขังคนใกล้ตัว ผมนึกถึงธรรมะบันเทิงหลายเรื่องเล่า ในหนังสือชวนม่วนชื่น ของพระอาจารย์พรหม เรื่องโลกเสรีพระเพื่อนร่วมวัดของท่านอาจารย์ รับนิมนต์ไปสอนการฝึกสมาธิในเรือนจำใกล้เมืองเพิร์ธ ในแดนที่มีการควบคุมเข้มงวดกวดขันที่สุด เวลาหลายอาทิตย์ผ่านไป นักโทษหลายคนรู้จักและเคารพท่านตอนท้ายการสอนวันหนึ่ง นักโทษอยากรู้กิจวัตรประจำวันของพระมีอะไรบ้าง“พวกเราต้องตื่นเวลาตีสี่ทุกเช้า” ท่านเริ่มต้น “บางเช้ามันก็หนาวมากนะ เพราะในห้องเล็กๆของพระ ไม่มีเครื่องทำความร้อน เราฉันอาหารวันละมื้อ ตอนฉันเรารวมอาหารทุกอย่างลงในบาตรเราก็จะไม่ฉันอะไรอีกเลย ในตอนบ่ายไปถึงกลางคืน เราไม่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ดูโทรทัศน์ ไม่ฟังวิทยุ ไม่ฟังเพลง ไม่เคยดูหนัง ไม่เล่นกีฬา”นักโทษหลายคนเริ่มอึ้ง พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องพระในศาสนาพุทธ มาก่อน ชีวิตที่เข้มงวดกวดขันแบบพระจึงเป็นเรื่องแปลกและเมื่อได้ยินท่านเล่าว่า พวกพระทำงานหนัก พูดกันน้อย และใช้เวลาว่างในการนั่งทำสมาธิเฝ้าดูลมหายใจ นักโทษคนหนึ่งที่ใกล้ชิด จริงจังกับเรื่องที่ท่านเล่า“ชีวิตท่านมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือครับ” เขาโพล่งออกมา “ถ้างั้น นิมนต์ท่านมาอยู่กับพวกเราในนี้ ไม่ดีกว่าหรือ?”เท่านั้นเอง นักโทษที่เหลือทุกคนในห้อง ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อพระเพื่อนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พระอาจารย์พรหมก็เก็บเอามาพิจารณาต่อ จริงอยู่ชีวิตพระในวัด มีข้อปฏิบัติที่ละเอียดและเข้มงวดยิ่งกว่าในเรือนจำขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่เข้มงวดที่สุดแต่ในวัด ยังมีหลายๆคนสมัครใจที่จะเข้ามาอยู่ และอยู่อย่างมีความสุขตรงข้ามกับในเรือนจำ ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน นักโทษอยากหนีออกในวัดพระท่านพอใจที่อยู่ แต่ในเรือนจำ นักโทษไม่พอใจที่จะอยู่ นั่นแหละคือข้อแตกต่างสถานที่ใดที่เราไม่อยากจะอยู่ ไม่ว่าจะสะดวกสบายขนาดไหน มันก็คือเรือนจำนี่คือความหมายแท้ๆของคำว่า “เรือนจำ”ถ้าเรามีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ไม่ชอบ ก็เหมือนเราอยู่ในเรือนจำ เรามีความสัมพันธ์ใดๆที่ไม่พอใจ ก็เหมือนเราอยู่ในเรือนจำ เรามีร่างกายที่เจ็บไข้ได้ป่วยทนทุกข์ทรมาน ร่างกายก็คือเรือนจำสรุป เรือนจำ คือ สถานที่ใดๆที่เราไม่อยากอยู่ ไม่อยากจะเป็นพระอาจารย์พรหมตั้งคำถามเอง เราจะหนีจากเรือนจำมากมายทั้งหลายในชีวิต...ได้อย่างไรและท่านก็ตอบคำถามเอง...ก็เพียงแค่เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด เกี่ยวกับสถานที่ หรือสถานการณ์นั้นๆ ให้เป็นความอยากหรือความพอใจที่จะอยู่ ณ ที่นั้นโลกเสรีคือโลกที่สัมผัสได้เฉพาะคนสมถะผู้มีความพอใจในสิ่งที่มีที่เป็น ความเป็นอิสระ คือความพอใจในที่ที่เราอยู่ เรือนจำคือความอยากที่จะไปอยู่ที่อื่นความเป็นอิสระที่แท้จริง คือการเป็นอิสระจากความอยาก ไม่ใช่อิสระที่จะอยากโลกเสรีแบบพระอาจารย์พรหม ไม่ใช่โลกเสรีของมนุษย์แบบเราๆนะครับแต่ในยามยาก ยามที่ต้องอยู่กับบ้าน เพื่อตัวเองเพื่อคนใกล้ตัว ที่มีผลถึงคนอื่นในบ้านเมือง ถ้าฝึกจิตทำให้อยู่แบบพระได้บ้าง นี่คือทางเลือกที่จำเป็น.กิเลน ประลองเชิง