ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เผยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ประสานตำรวจท้องที่ช่วยเหยื่อถูกแก๊งคอลหลอกได้ 4 เคส ระงับการโอนเงินไปยังบัญชีม้า 4 ราย เผย 2 ในนั้นเป็นคนสูงวัย รายแรกช่วยชายชาวเชียงใหม่วัย 76 ปี ขณะ หอบเครื่องทองรูปพรรณไปขายร้านทองในห้างไว้ทัน อีกรายเป็นชายวัย 64 ปี คนอุตรดิตถ์ถูกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมสรรพสามิตแล้วสแกนหน้าถูกดูดเงินไป 2 แสนกว่าบาท ก่อนตำรวจจะเข้าช่วยให้หยุด ทำธุรกรรมเสียหายไปมากกว่านี้ นอกจากนี้ยังพบ สาววัย 18 ปี ถูกลวงให้โอนเงินไป 1 ล้านบาทเศษอ้าง ปปง.ขอตรวจสอบACSC เผยแก๊งคอลยังจ้องโทร.หลอกคนสูงวัยและเด็ก วันที่ 13 ธ.ค. ที่ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดเผยข้อมูลการเข้าช่วยเหลือเหยื่อ ในวันที่ 11-12 ธ.ค.68 พบว่ามีเคสรับแจ้งผ่านทางศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เกี่ยวกับแผนประทุษกรรมคนร้ายโดยพบว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังเป็นเรื่องการโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมข่มขู่ว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว ยอมแอดไลน์เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอม พร้อมทั้งยอมโอนเงินและทรัพย์สินไปให้ตรวจสอบ ก่อนจะมารู้ภายหลังว่าเป็นกลลวงมิจฉาชีพศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ประสานงานร่วมกันกับทุกหน่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบพร้อมช่วยเหลือเหยื่ออย่างทันท่วงที 4 เคส สามารถช่วยเหลือรวมทั้งระงับการโอนเงินของผู้เสียหายก่อนจะโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพได้ทั้งหมด 4 รายเช่นกัน คิดเป็นเงิน 510,000 บาท นอกจากนี้ จับกุมได้ 1 คดี ผลงานของ ศปอส.ภ.4 ที่เข้าทลายฟาร์มบัญชีม้าในพื้นที่ จ.สกลนคร จับกุม 17 ผู้ต้องหาสำหรับเคสที่น่าสนใจ เจ้าหน้าที่ War Room ศูนย์ ACSC ประสานเจ้าหน้าที่ ศปอส.ภ.5 เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย เป็นชายวัย 76 ปี หลังรับสายมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทเอไอเอส แจ้งว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และให้แอดไลน์ ชื่อไลน์ “สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง” (ของปลอม) ก่อนจะแจ้งว่าผู้เสียหายมีหมายจับให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดไปให้เพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อเตรียมสร้อยพระเลี่ยมทอง 1 เส้น, ตุ้มหูเพชร 1 คู่ และแหวนทองเพชร 2 วง มูลค่ารวม 165,500 บาท เดินทางไปร้านทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เพื่อนำไปขายและโอนเงินให้คนร้าย ระหว่างเดินทางคนร้ายได้วิดีโอคอลติดตามความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายโดยตลอดทันทีที่ตำรวจทราบเรื่องรีบติดตามตัวผู้เสียหายก่อนจะไปพบที่ชั้น 3 ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ได้เข้าแสดงตัวพร้อมแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่ากำลังถูกมิจฉาชีพหลอกให้หยุดการกระทำดังกล่าวเป็นการระงับยับยั้งความเสียหายได้ทันท่วงที ระหว่างนั้นคนร้ายยังวิดีโอคอลมาหาผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ได้บันทึกหลักฐานพาผู้เสียหายไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมและรวบรวมเบอร์โทรศัพท์ทั้งหมดสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพต่อไปเคสที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นหญิง อายุ 18 ปี ถูกมิจฉาชีพวิดีโอคอลผ่านไลน์ข่มขู่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. แจ้งว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ต้องโอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายรวม 1,459,126 บาท เคสที่ 3 ตำรวจ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เข้าช่วยเหลือผู้เสียหาย เป็นชายวัย 64 ปี ถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาลวงเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต แจ้งว่ามีหนังสือตรวจสอบผู้รับประโยชน์แล้วจะคุ้มครองเงินฝาก ให้แอดไลน์พร้อมแจ้งให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมสรรพสามิต จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนจนเสร็จแล้วสแกนใบหน้า ก่อนเงินจะถูกโอนออกจากบัญชีผู้เสียหาย 201,910 บาทศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ขอเตือนภัยและยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยจะไม่โทรศัพท์หาประชาชน เพื่อแจ้งข้อหาหรือการกระทำความผิด, ไม่ส่งหมายเรียก หมายจับ หรือเอกสารทางราชการใดๆทางไลน์,ไม่วิดีโอคอลสอบปากคำทางไลน์ และสำคัญที่สุดจะไม่ให้โอนเงินหรือทรัพย์สินมาให้ตรวจสอบเป็นอันขาด ดังนั้น หากประชาชนพบพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว นั่นคือเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ประชาชนตั้งสติ อย่าหลงเชื่อ และอย่าโอนเงินหรือทำธุรกรรมใดๆเด็ดขาดบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา นำโดย พ.ต.ท.อาทิตย์ ชาตินักรบ รอง ผกก.สส. นำกำลังเข้าช่วยเหลือนางอินทิรา ธรรมรัฐ อายุ 75 ปี หลังหายตัวไปจากบ้านพักย่านเจริญกรุง นายอภิชาติ ธรรมรัฐ อายุ 45 ปี ลูกชาย ไม่สามารถติดต่อมารดาได้ รีบเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวัน สน.ยานนาวา ระบุว่า ช่วงบ่ายสามารถติดต่อมารดาได้ช่วงสั้นๆ แต่ไม่ยอมบอกสถานที่สังเกตว่ามีเสียงบรรยากาศเงียบสงบคล้ายอยู่ในห้องพัก ชุดสืบสวนรีบตรวจสอบทราบว่าได้ไปเปิดห้องที่โรงแรมมิลอฟ สาทร ก่อนนั่งรถแท็กซี่ออกไปที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 3 เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังค้นหากระทั่งพบนางอินทิรายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารออมสิน กำลังถอนเงิน ฝ่ายสืบสวนแสดงตัวยับยั้ง โดยพบว่าผู้เสียถูกหลอกให้ถอนเงินสดจากบัญชีธนาคารกรุงไทยไปแล้ว 3 บัญชี รวม 13,000 บาท และกำลังจะถอนเงินจากธนาคารออมสินอีก 26,000 บาท แต่ถูกระงับไว้ได้ก่อน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะมีผู้สูงอายุอยู่ในครอบครัว โปรดระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโทรศัพท์มาข่มขู่ให้โอนเงิน เตือนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีนโยบายให้ประชาชนโอนเงินเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ทางโทรศัพท์หากพบ เหตุต้องสงสัยให้รีบวางสายและแจ้งตำรวจท้องที่ หรือโทร.191 หรือสายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 ทันที ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน แล้วจะไม่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่