เจ้าอาวาสวัดดังเกาะสีชังที่ถูกชาวบ้านร้องยักยอกเงินวัดกว่า 11 ล้านบาท ย่องเงียบพบรักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี ขอลาสิกขา ก่อนเดินทางรับทราบข้อกล่าวหาตำรวจ สอบพบหลักฐานแน่นนำเงินกฐินตั้งแต่ปี 64 โอนให้สาวคนสนิทและญาติที่เป็นไวยาวัจกรหลายครั้ง แถมเอาไปซื้อรถกระบะชื่อตัวเอง เจ้าตัวอ้างมีหญิงมาชวนนำเงินไปลงทุนหลากหลายรูปแบบ สุดท้ายติดต่อไม่ได้สมภารยักยอกเงินวัด 11 ล้านบาท ย่องเงียบลาสิกขา ก่อนถูกตำรวจคุมตัวดำเนินคดียักยอกทรัพย์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 ต.ค. มีรายงานว่ากรณีชาวบ้านในพื้นที่เกาะสีชัง ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี รวมตัวกันร้องเรียนพระครูสาธิตกิตติญาณ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์นิยมธรรม ศรีราชา ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเกาะสีชัง เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมพระวชิราลังการ (สวัสดิ์ อุตฺตมวํโส) หรือพระอาจารย์ขาว เจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภารามและเจ้าคณะตำบลท่าเทววงษ์ สงสัยว่ายักยอกเงินวัด นำเงินจากการทอดกฐินตั้งแต่ปี 2564 รวมมูลค่ากว่า 11ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีญาติพี่น้องของเจ้าอาวาสเข้ามาทำหน้าที่ต่างๆในวัดเพื่อแสวงหาประโยชน์ล่าสุด ช่วงเช้าที่ผ่านมา พระวชิราลังการ เจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภาราม เข้าพบพระเทพวชิรปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชัยมงคล พระอารามหลวง รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี เพื่อขอลาสิกขาหลังถูกชาวบ้านร้องเรียนเรื่องยักยอกเงินวัดเอาไปใช้ส่วนตัว จากนั้นอดีตเจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภารามที่แต่งกายในชุดขาวเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ สุทธิพัฒนกูล สว. (สอบสวน) สภ.เกาะสีชัง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานยักยอกทรัพย์มีรายงานว่า ภายหลังรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรีได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเงินจากงานทอดกฐินสามัคคีของวัดจุฑาทิศธรรมสภารามตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบันไม่ได้ถูกโอนเข้าบัญชีวัด แยกเป็นเงินทอดกฐินสามัคคีในปี 2565 จำนวน 6 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 2.1 ล้านบาท ปี 2567 จำนวน 2.9 ล้านบาท และปี 2568 วัดจัดงานทอดกฐินพระราชทาน มีนายธวัชชัย ศรีทอง อดีต ผวจ.ชลบุรี ที่เป็นคนเกาะสีชังโดยกำเนิดมาเป็นประธานได้เงินอีก 3 ล้านบาท แต่ปีนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชลบุรีเข้าไปควบคุมดูแลเงินเอง ทำให้เงินยังอยู่ครบอย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำอดีตพระวชิราลังการ ให้การอ้างว่าถูกหญิงสาวรายหนึ่งเข้ามาตีสนิทเป็นเวลานาน กระทั่งปี 2565 หญิงคนดังกล่าวเริ่มชักชวนลงทุนหลากหลายรูปแบบ ต่อมาติดต่อหญิงรายนี้ไม่ได้ เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบพบหลักฐานการโอนเงินให้กับบุคคลอื่นหลายครั้ง แต่ละครั้งเป็นวงเงินหลักแสนบาท มีทั้งโอนให้หญิงสาวที่อดีตหลวงพ่อกล่าวอ้าง รวมถึงโอนให้กับญาติพี่น้อง มีทั้งน้องชาย น้องเขยที่ทำหน้าที่ไวยาวัจกรและนำพี่สาวเข้ามาดูแลอาศรม อีกทั้งยังนำเงินวัดไปซื้อรถกระบะในชื่อของตัวเองอีก 1 คัน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างประสานส่วนที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดอดีตเจ้าอาวาสยักยอกเงินวัดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่