อัยการเห็นพ้องตำรวจยื่นฟ้อง “โกทร” กับพวกรวม 8 คนต่อศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่า “สจ.โต้ง” แล้ว ศาลนัดเบิกตัวผู้ต้องหามาสอบคำให้การวันที่ 7 มี.ค.นี้ จากข้อหาทั้งหมดมีเพียงความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-7 ตามตำรวจข้อหาเดียวคือ ร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารใดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาตามกฎหมาย ถ้ามีความเห็นแย้งต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาดกรณีเหตุยิงถล่มนายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง สิทธิสนิทพงศ์ เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 21/1 ถนนวัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี ของนายสุนทร หรือโกทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี อดีต รมช.สาธารณสุข ปมเหตุจากความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น ก่อนโอนคดีมาให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สอบสวน มีความเห็นสั่งฟ้องโกทรกับพวกรวม 8 คน ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 มี.ค. นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า ตามที่สำนักงานคดีอาญา สำนักงาน อัยการสูงสุด รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เมื่อวันที่ 26 ก.พ. คดีนางณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือนายกจอย นายก อบจ. ปราจีนบุรี ภรรยานายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง สิทธิสนิทพงศ์ กล่าวหานายธนศรัณย์กรณ์ เตชะธนัตถ์โชติ นายศักดิ์สิทธิ์ ชินวงษ์ นายธนภัทร ส่งแสง นายอภิสิทธิ์ สดชื่น นายสิทธิชัย ศรีภักดี นายภัทรนนท์ บุญชู และนายสุนทร หรือโกทร วิลาวัลย์ เป็นผู้ต้องหาที่ 1-7 ฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันทำให้เสียหาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และซ่องโจร พร้อมกล่าวหา น.ส.มินช์ญารัศน์ พชระมารกุล ผู้ต้องหาที่ 8 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนสำนักงานคดีอาญาตั้งองค์คณะขึ้นพิจารณาสำนวนและมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-7 ความผิดฐานเป็นซ่องโจร ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันมีอาวุธปืนซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ฐานความผิดมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 หรือโกทร ในฐานความผิดเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 ในฐานความผิดเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกัน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นอกจากนี้พนักงานอัยการมีคำขอให้เพิ่มโทษผู้ต้องหาที่ 4 และมีคำขอให้ริบของกลางที่เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ นอกจากนี้สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-7 ข้อหาร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารใดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน สำหรับกรณีสั่งไม่ฟ้องเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145/1คดีนี้พนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คนต่อศาลอาญาเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ ศาลอาญาประทับฟ้องคดีไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.629/2568 และมีคำสั่งให้เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำมาสอบคำให้การวันที่ 7 มี.ค. เวลา 09.00 น.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่