ตั้งแต่ พ.ศ.2562 ซึ่งไปบริหาร บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (DAD Asset Development) หรือ ธพส. ในสังกัดกระทรวงการคลัง หนุ่มใหญ่ชื่อแปลกไม่เหมือนใคร พ.อ.ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท ก็นำวิสัยทัศน์ใหม่ๆในการพัฒนาทรัพย์สินของรัฐ จนรายได้-กำไร จากการลงทุน ก่อสร้าง บริหารจัดการ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่ ธพส. มีทรัพย์สิน 2.4 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มเป็นเกือบ 4.8 หมื่นล้าน โดยปีนี้ยังสร้างกำไรสูงสุดคือ 1,400 ล้าน--ซึ่งโครงการพัฒนาล่าสุด ที่กำลังเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ คือการพลิกโฉม ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่ ธพส. บริหาร ให้กลายเป็น เมืองสีเขียว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมกว่า 5 ปีที่ ดร.บิ๊ก–นาฬิกอติภัค และ กชกร วรอาคม ภูมิสถาปนิก ซึ่งเป็น 1 ใน 100 บุคคลทรงอิทธิพลในอนาคตของ Time และ BBC 100 Women 2020 จากผลงานออกแบบพื้นที่สีเขียว ชวนกันลุยแดดลมฝนในศูนย์ราชการพื้นที่ 449 ไร่ เพื่อปรับภาพลักษณ์แข็งๆ ให้เป็นที่ที่ประสานธรรมชาติ และการใช้งานของผู้คนนับหมื่น ให้เป็น ต้นแบบ เมืองยั่งยืน ซึ่ง ดร.บิ๊ก เห็นด้วยว่า ต้องจัดการทั้งระบบ ซึ่งจะ แก้ปัญหาได้หลายมิติพร้อมกัน คือทำให้ พื้นที่ราชการ เป็นที่ที่ใช้ชีวิตได้ ให้คนทำงานร่วมกับธรรมชาติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น --จากแนวคิดนี้ ศูนย์ราชการ จึงกลายเป็น ห้องทดลองเมืองสีเขียวของไทย โดยการปรับผังการใช้พื้นที่ทั่วศูนย์ฯเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่งเปิดตัวเฟสล่าสุดไปอีก 5 ไร่ ซึ่งเฟสสุดท้าย 2 ไร่ จะเสร็จปีหน้า การปรับพื้นที่ เริ่มจากเปลี่ยนพื้นที่จอดรถและดาดฟ้า ให้กลายเป็น สวนลอยฟ้า (Green Roof) เชื่อมอาคารต่างๆด้วย ทางเดินสีเขียว ให้คนเดินได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องลงถนน จึงได้พื้นที่สาธารณะเพิ่ม และเป็นมากกว่าทางผ่าน เพราะนั่งพักผ่อน พูดคุย และทำกิจกรรมได้ จุดว้าวที่ คุณบิ๊ก ภูมิใจมากคือ เมืองฟองน้ำ (Sponge City) ซึ่งออกแบบอย่างล้ำเลิศ เพื่อให้ได้พื้นที่สีเขียวเพิ่มทันที โดยไม่ต้องซื้อที่เพิ่ม แค่ เปลี่ยนดาดฟ้าและที่จอดรถ “เอาพื้นที่แข็งที่ร้อนที่สุด มาทำให้เย็นและมีชีวิต” ทำให้ ดาดฟ้า ทำหน้าที่เหมือน “ฟองน้ำ” จึงได้ สวนลอยฟ้า (Green Roof) ที่เดินได้ นั่งพักได้ และเชื่อมการใช้งานระหว่างอาคาร และยังเป็น พื้นที่สีเขียวต่อเนื่อง (Green Network) ต่อกับทางเดินลอยฟ้า สวนระดับพื้น อาคารแต่ละหลัง จึงได้พื้นที่สีเขียวทั้งแนวนอน แนวตั้ง ลดความร้อนอาคาร ช่วยให้อาคารเย็นลง ลดพลังงานเครื่องปรับอากาศ และสวนทางเดินบนดาดฟ้า ยังจูงใจให้คนที่ไม่อยากเดิน เพราะหน้าร้อนก็ร้อนเปรี้ยง หน้าฝนก็เปียก อยากเดินมากขึ้น จึงลดการใช้รถระหว่างอาคาร ลดปัญหารถติดในศูนย์--และเปลี่ยนภาพลักษณ์จากพื้นที่ราชการ เป็นพื้นที่ที่คนอยากอยู่ เป็นพื้นที่สาธารณะ และเป็นมิตรกับเมือง ตอนนี้คนในศูนย์ราชการและคนไปติดต่อชอบมาก เพราะ ดาดฟ้า ที่เคยถูกมองข้าม เคยรับแดดและสะท้อนความร้อนลงใต้อาคาร กลายเป็นที่ที่สามารถ “รับ เก็บและชะลอน้ำฝน” ได้ โดยทำ สวนรับน้ำ มีร่องน้ำและแอ่งเก็บน้ำ ผลลัพธ์คือ ลดน้ำท่วมขัง ลดภาระระบบระบายน้ำ และที่สุดยอดคือ นำน้ำกลับมาใช้เลี้ยงต้นไม้ ได้อีก โดยเลือกต้นไม้ที่ดูแลง่าย บังแดด ลดความร้อน อาทิ จามจุรี ประดู่ พะยอม ตะแบก อินทนิล นนทรี และไม้ทนแล้งที่เหมาะกับดาดฟ้า ทางเดินลอยฟ้า และพื้นที่ที่ดินตื้น เช่น มะกอกน้ำ มะกอกไทย ปีบ เสลา แคนา ที่ไม่ต้องรดน้ำมาก ส่วนพืชสำหรับ “เมืองฟองน้ำ” ปลูกในสวนรับน้ำ ร่องน้ำและพื้นที่ชะลอน้ำ อาทิ กก ธูปฤาษี พืชล้มลุก ทนแฉะ หญ้าคลุมดินทนชื้น ช่วยดูดซับน้ำ ชะลอน้ำฝน และกรองมลพิษก่อนลงท่อ ไม้พุ่มและไม้คลุมดิน ใช้ลดความร้อนผิวดิน เพิ่มความชุ่มชื้นและลดฝุ่น มีอาทิ โมก เข็ม พุด เฟิร์น หญ้านวลน้อย หญ้ามาเลเซีย--จึงรวมกันเป็นพื้นที่ให้ร่มเงา ลดความร้อน และช่วยดูดซับคาร์บอนและฝุ่น เพื่อให้เป็น เมืองคาร์บอนต่ำ ที่เพิ่มสุขภาพกายและใจตอนนี้ ศูนย์ราชการ จึงจะไม่ใช่แค่ศูนย์รวมหน่วยงานรัฐ แต่เป็น เมืองสีเขียว ซึ่ง คุณบิ๊ก บอกว่า เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์เต็มรูปแบบตามแผน ศูนย์ราชการจะกลายเป็น City of Green Lifestyles เมืองสีเขียวที่มีชีวิต สดชื่น ร่มรื่น กว่า 138 ไร่ ได้ปอดของกรุงเทพฯเพิ่มขึ้น.โสมชบาคลิกอ่านคอลัมน์ "ของว่างวันอาทิตย์" เพิ่มเติม