กระทรวงการคลัง เสนอแผนการปรับปรุง การคลังของประเทศ มีเป้าหมายลดการขาดดุลการคลังให้อยู่ในระดับมาตรฐาน คือขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของจีดีพี ภายในปี 2572 ซึ่งในปีงบประมาณปี 2569 ไทยขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 4.4% โดยให้เหตุผลว่า เป็นการรักษาวินัยการคลัง เพื่อไม่ให้ไทยเผชิญกับความเสี่ยงในการปรับลดอันดับเครดิตเรตติ้ง ที่หมายถึงความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งหมดรองนายกฯและ รมว.คลัง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ชี้แจงรายละเอียดว่า เนื่องจากประเทศไทยถูกปรับลดมุมมองจาก Stable เป็น Negative จากสถาบันการจัดอันดับเครดิตในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ซึ่งเป็นการสร้างฐานราก ในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ แผนการคลังระยะปานกลาง จะแสดงถึงความมุ่งมั่นความน่าเชื่อถือถึงวินัยด้านการคลัง โดยรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายลดการขาดดุลที่ชัดเจน เช่น การขาดดุลงบประมาณในปี 2569 จะอยู่ที่ 8.6 แสนล้าน หรือ 4.4% ของจีดีพี ในขณะที่กำหนดให้หนี้สาธารณะอยู่ที่ไม่เกิน 70% ของจีดีพี และยืนยันว่าการปรับลดการขาดดุลดังกล่าวจะไม่กระทบต่องบลงทุนของประเทศกระทรวงการคลังไม่ได้พูดถึงการจัดหารายได้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ แต่กำหนดให้สัดส่วนการใช้งบประมาณบางส่วนแคบลงหรือลดลง เช่น งบกลางจาก 2-3.5% ก็จะเหลือ 2-3% กำหนดให้มีการชำระเงินต้นไม่น้อยกว่า 4% จากเดิม 3.5-5% สรุปว่าเป็นการโยกงบประมาณที่จะบรรเทาการลดเครดิตความน่าเชื่อถือทางการคลังของประเทศ หรือถ้าจะพูดว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบผักโรยหน้าหรือการแต่งบัญชีก็น่าจะใกล้เคียงเพราะต้นตอการขาดดุลงบประมาณคือ รายได้ไม่พอกับรายจ่ายการที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ปรับมุมมองอันดับเครดิตของไทยจาก มีเสถียรภาพ เป็น เชิงลบ แม้ยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+แต่ได้สะท้อนถึงภาพความกังวลต่อฐานะการคลังของไทยที่อ่อนแอลงต่อเนื่อง ขาดกำลังซื้อ ขาดเม็ดเงินลงทุน หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้นจนเกือบจะชนเพดานในส่วนของภาคเอกชนแสดงความกังวลถึง ฐานะการคลังของประเทศ มาจากสาเหตุที่ไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจเปิด จึงต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้ตลอดเวลา ตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 เป็นต้นมา จะเห็นความชัดเจนของความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ที่เราไม่สามารถฟื้นตัวได้เหมือนเดิม หรือบางส่วนตกอยู่ในสภาพที่แย่กว่าเดิม ในขณะที่ประเทศคู่แข่งและประเทศคู่ค้าสามารถฟื้นตัวได้แล้วการที่สถาบันจัดเครดิตหรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะโตแค่ร้อยละ 1-1.2 ในปีหน้า เท่ากับว่าประเทศไทยกำลังใกล้ถึงทางตัน ดังนั้นนโยบายประชานิยม จึงไม่ใช่ทางออกแต่จะเป็นส่วนหนึ่งของทางตันทางเศรษฐกิจไทย.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม