วันเสาร์สบายๆวันนี้มาคุยกันต่อถึงแหล่งท่องเที่ยวไทย 5 แห่งที่ขึ้นแท่นเป็น 100 แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก จากการประกาศผล Green Destinations Top 100 Stories Awards 2025 ของ Green Destinations สะท้อนความสำเร็จครั้งสำคัญในการบูรณาการร่วมกันระหว่างองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายและชุมชนในพื้นที่ในเวทีประกาศรางวัลครั้งนี้ไทยก็คว้าเหรียญทองมาด้วย โดย เมืองเก่าสุโขทัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับ Gold Award ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งผมได้เล่าให้ฟังไปเมื่อวันเสาร์ที่แล้วสำหรับเรื่องราว 5 แหล่งท่องเที่ยวที่ติดท็อป 100 ในปีนี้ประกอบด้วย 1.เมืองเก่าน่านที่มีชีวิต : ต้นแบบการอนุรักษ์และพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ประเภทเรื่องราวที่นำเสนอ Destination Management เป็นเรื่องราวของเมืองเก่าน่าน ศูนย์กลางวัฒนธรรมของภาคเหนือ เผชิญแรงกดดันจาก การพัฒนาเมืองที่ไร้ทิศทาง ก่อนที่ทุกภาคส่วนจะวางแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูอย่างมีส่วนร่วมด้วยโครงสร้างการจัดการระดับท้องถิ่น มี “คณะอนุกรรมการเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่าน” ทำหน้าที่กำกับทิศทางการพัฒนาโดยยึดฐานวัฒนธรรม จนวันนี้เมืองน่านกลายเป็นเมืองมรดกที่มีชีวิตเป็นความภาคภูมิใจที่การท่องเที่ยวและอัตลักษณ์ท้องถิ่นเดินหน้าไปด้วยกัน2.พลิกวิกฤติแม่น้ำโขง : หมู่บ้านประมงเชียงคาน กับก้าวย่างแห่งความหวังสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ประเภทเรื่องราวที่นำเสนอ En vironment&Climate เมื่อแม่น้ำโขงเกิด ความเปลี่ยนแปลงจากเขื่อนต้นน้ำและภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ปลาหายาก รายได้จากการประมงลดลง ชาวบ้านเชียงคานจึงรวมกลุ่มจัดตั้ง “กลุ่มวิจัยไทบ้าน” ศึกษาระบบนิเวศและถ่ายทอดความรู้ผ่านศูนย์การเรียนรู้ ต่อมาได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนจึงสร้างรายได้จากกิจกรรมท่องเที่ยว ควบคู่กับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน3.เทศกาลเดินกินถิ่นนาเกลือ : ฟื้นวิถีชาวเล สร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ประเภทเรื่องราวที่นำเสนอ Destination Management เมืองเก่าพัทยาในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองและการท่องเที่ยว ทำให้อาชีพดั้งเดิมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นเสื่อมถอย ชุมชนจึงได้จัด “เทศกาลเดินกิน ถิ่นนาเกลือ” ตั้งแต่ปี 2552 ฟื้นฟูเศรษฐกิจและวัฒนธรรมท้องถิ่น เทศกาลนี้กลายเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมผู้ประกอบการ และเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับวิถีชีวิตชุมชน ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมกว่า 60,000 คนต่อปี สร้างรายได้กว่า 150 ล้านบาท และก่อเกิดแรงบันดาลใจให้ขยายไปจัดเทศกาลทางวัฒนธรรมอื่นๆอีกมาก4.รากเหง้าที่ไม่ลืม : การพลิกฟื้นตลาดจีนโบราณบ้านชากแง้ว ประเภทเรื่องราวที่นำเสนอ Thriving Communities เป็นเรื่องราวของบ้านชากแง้ว ชุมชนจีนแต้จิ๋วที่มีประวัติศาสตร์การค้ากว่าร้อยปี แต่เกิดการ เสื่อมถอยทางเศรษฐกิจจากเส้นทางคมนาคมที่เปลี่ยนไป ชาวบ้านจึงรวมตัวจัดตั้ง “ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านชากแง้ว” ร่วมกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ วัฒนธรรมท้องถิ่น อนุรักษ์สถาปัตยกรรม และพัฒนาตลาดจีนโบราณชากแง้ว จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เปิดเฉพาะวันเสาร์ สร้างรายได้เข้าชุมชนกว่า 49 ล้านบาทต่อปี5.ท่าชัย–ศรีสัชนาลัย : เมื่อชุมชนทำให้มรดกมีชีวิตอีกครั้ง ประเภทเรื่องราวที่นำเสนอ Thriving Communities เป็นต้นแบบของชุมชนที่ เปลี่ยนมรดกโลกจากเพียงฉากถ่ายรูปมาเป็นพื้นที่แห่งชีวิต ความภาคภูมิใจ และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีเสียงของชุมชนเป็นหัวใจสำคัญ ที่ตั้งคำถามว่า “มรดกโลก มรดกของใคร?” และมีการรวมผู้นำหลากหลายกลุ่มสร้างกลไกร่วมคิดร่วมทำ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนท้องถิ่นจากการพัฒนาการท่องเที่ยว ผลลัพธ์ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจเติบโต แต่ยังเกิดความภูมิใจในรากเหง้า และการสร้างคุณค่าจากมรดกที่มีอยู่ให้ยั่งยืนในแบบที่พวกเขาเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงการได้รับรางวัลระดับโลกเช่นนี้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยวไทย ผมเชื่อว่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่สามารถพัฒนายกระดับขึ้นมาได้ ก็หวังว่าชุมชนและผู้ประกอบการจะสามัคคีพร้อมใจ และค้นหาตัวตนให้เจอ.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม