โฉมใหม่... ใครๆก็คงอยากจะเห็นของใหม่ว่าจะแค่ไหน? หาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะคืนหลัง “ประชาธิปัตย์” ตามเสียงเรียกร้อง กระแสเสียงดังกระหึ่มจากทุกสารทิศนี่แหละคือคนที่จะชุบชีวิตใหม่ได้18 ต.ค.2568 คือวันที่จะมีการเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงประเด็นก็คือเขาจะทำได้จริงหรือ จะมีทีมงานที่เหมาะกับสถานการณ์แค่ไหน จะมีนโยบายหรือแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อให้พรรคนี้มีชีวิตต่อไปในสนามการเมืองที่เปลี่ยนไปมากแล้วพูดง่ายๆจะมีความทันสมัยสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงได้หรือไม่เพราะแค่ได้คนเก่าที่มีคุณภาพคืนรัง แต่สังคมการเมืองในบริบทใหม่นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่ทิ้งของเก่าๆเอาไว้นอกจากนักการเมืองที่ยังไม่รักชาติจริง คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น ก็ต้องไปว่ากันในการเมืองทั้งระบบที่เป็นข่าวอย่างหนึ่งก็คือ “ชวน หลีกภัย” และ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” ผู้อาวุโสของพรรค จะถอยฉากออกไปไม่รับตำแหน่งหรือเป็น สส.อีกแล้วแต่จะอยู่ในพรรคในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ที่คอยให้คำแนะนำเท่านั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเพื่อเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะทั้ง 2 คนนี้ยังมีอิทธิพลเหนือพรรคด้านหนึ่งก็ดี!แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้พรรคไม่ก้าวไปข้างหน้า เพราะวิธีคิดที่ต่างกันเปรียบเหมือนเหรียญ 2 ด้าน คือทำให้มีความมั่นคงแต่อีกด้านเหมือนกับถ่วงความเจริญทั้ง 2 คนต่างก็คงรู้เรื่องนี้ดีเพราะการแก้ไขปัญหา “ประชาธิปัตย์” ในบริบทใหม่นี้ไม่แค่รีโนเวตเท่านั้น เพราะมันไม่พอ แต่จะต้องปรับโครงสร้าง ปรับแนวคิดและนำคนใหม่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง“อภิสิทธิ์” ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย!การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ หากไม่จัดการอย่างสุดซอยก็คงไปไม่รอด เพราะก็แค่เปลี่ยนคนเท่านั้นแต่สภาพของประชาธิปัตย์นั้นอาการมันหนักสาหัสที่ใช้ยาแก้ปวดธรรมดาไม่ได้ เพราะมันดื้อยาแล้วก็ต้องดูว่าทีมงานที่จะเข้ามาบริหารพรรคจะมีใครหน้าตาเป็นอย่างไรมีความรุ่นใหม่มากน้อยแค่ไหนเพราะมันต้องผสมผสานให้เป็นเนื้อเดียวกันด้วยเข็มมุ่งที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะพรรคจะต้องถึงพร้อมด้วยประการทั้งปวงจึงจะไปต่อได้ที่สำคัญก็คือมวลชนที่เคยสนับสนุนจะตอบรับแค่ไหน ทั้งคนกรุงเทพฯ คนภาคใต้ที่ดูเหมือนจะไปข้างหน้าเลยพรรคไกลแล้วมวลชน 2 ส่วนนี้คือกำลังสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้!ในขั้นแรกก็คือทำให้คนรู้สึกว่าเปลี่ยนไปจนเกิดความรู้ดีขึ้น คือความมีอุดมการณ์ไม่มั่วซั่วอย่างที่ผ่านมา มีนโยบายที่ทันสมัยแค่ไหน ได้คนรุ่นใหม่ที่พอจะฝากความหวังได้หรือไม่การเปิดกว้างเพื่อรับคนเก่ง คนมีฝีมือ สังคมยอมรับก็เป็นสิ่งจำเป็น อย่าคิดว่าคนของพรรคดีอยู่แล้ว เก่งอยู่แล้วที่สำคัญการเติบโตทางการเมืองก็ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติไม่ใช่อะไรก็ต้องอาวุโสอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาเพราะโลกปัจจุบันไม่จำเป็นต้องรอคิวแล้ว หากเก่งจริงก็ต้องสนับสนุนผลักดันถ้าเริ่มต้นดีก็มีโอกาสที่ดีตามมา!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม