นายกฯแถลงหลังเรียกหารือฝ่ายความมั่นคง ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ “ทีมไทยแลนด์” มี “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” นำทีมติดตามสถานการณ์ เดินหน้าปกป้องผลประโยชน์ชาติ พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ขณะที่ “ฮุน เซน” ยังกร้าว ขู่ปิดทุกด่านห้ามนำเข้าผักผลไม้จากไทย หากไทยไม่เปิดด่านทั้งหมดตามปกติภายใน 24 ชั่วโมง ย้ำจะไม่เจรจา อ้างเพราะกองทัพไทยเริ่มก่อนหลังจบการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ที่จัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา เป็นเวลา 2 วันคือวันที่ 14-15 มิ.ย.2568 หวังลดความตึงเครียดจากปัญหาพิพาทเขตแดน แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คิดกระทรวงการต่างประเทศแถลงการณ์ผิดหวังกัมพูชาทั้งนี้ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 15 มิ.ย.กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา Joint Boundary Commission (JBC) ครั้งที่ 6 มีเนื้อหาสรุปว่า ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหา เฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุด (พื้นที่ช่องบก ปราสามตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) ไปสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆในการนี้ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา ดังนี้ การดำเนินการของไทยเป็นไปโดยความจำเป็นตามหลักการป้องกันตัว จากการที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีก่อน และเป็นไปอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 2.ไทยแสดงความผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะปิดประตูการเจรจาอย่างสันติใน 4 พื้นที่ โดยท่าทีของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด ได้เน้นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาระหว่างกันแบบทวิภาคี และบทบาทที่สำคัญของ JBC ในการทำให้มีเขตแดนชัดเจนระหว่างกัน เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองฝ่ายยันไม่ได้หารือแผนที่ 1 : 200000แถลงการณ์ระบุอีกว่า 3.ไทยย้ำถึงความสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องยึดมั่น MOU 2543 ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกับไทย โดยไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเขตแดน ไม่รุกล้ำเขตแดนระหว่างกัน และทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ความอดกลั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย 4.ทั้งสองฝ่ายจะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและขัดแย้งในวงกว้าง และย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกความร่วมมือทวิภาคีอื่นๆในการช่วยแก้ปัญหาด้วย ทั้งนี้ การประชุมไม่ได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของ ICJ และมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1 : 200000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตามแผนแม่บทฯ ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2568รอง มทภ.2 ชี้ที่มา JBC/MOU43จากนั้นในวันที่ 16 มิ.ย. พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์เฟสบุ๊กระบุว่า หมายเหตุ 1.รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรกัมพูชา เชื่อว่าการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรทั้งสอง จะช่วยระงับความขัดแย้งตามชายแดนที่เกิด หมายเหตุ : เจตนาที่ดี? 2.ด้วยปรารถนาที่ดีของทั้งสองประเทศ จึงได้จัดตั้ง JBC ปี 2540 เพื่อเป็นกลไกหลักเจรจาการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา 3.ต่อมาได้จัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกในปี พ.ศ.2543 (MOU43) เพื่อเป็นกรอบ และกลไกในการปฏิบัติงานของทั้งสองฝ่าย มีอำนาจหน้าที่ในข้อ 3(1)(จ) ระบุว่าจัดทำแผนที่แสดงเส้นเขตแดนทางบกที่ได้สำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกแล้ว หมายเหตุ : ถ้าตีความก็คงหมายถึง ให้ได้แผนที่ใหม่และหลักเขตแดนทางบกที่ลากตามสันปันน้ำที่ถูกต้องตามที่ระบุในสนธิสัญญา อนุสัญญา ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย? ข้อ 4.MOU43 ข้อ 5 ระบุว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ทั้งสองฝ่ายจะงดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน” หมายเหตุ : ตั้งแต่มี MOU43 ฝ่ายกัมพูชาละเมิดโดยสร้างกาสิโน สร้างสิ่งปลูกสร้าง ตัดเส้นทาง ปลูกพืชไร่กว่า 600 ครั้ง ฝ่ายไทยประท้วงให้แก้ไขแต่ได้รับความร่วมมือน้อยมาก ล่าสุดเผาศาลาตรีมุข นำกำลังเข้าขุดคูเลตล้ำอธิปไตยของไทย เราเจรจาก็ไม่ยอมถอนนำมาซึ่งการปะทะ ท้ายสุดกดดันทุกทางกว่าจะถอนกำลังออกไป เพื่อนบ้านที่ดีควรทำหรือไม่?พูดแล้วดื้อด้าน เอาให้เละก่อนโตพล.ต.ณัฏฐ์ ระบุอีกว่า 5.MOU43 ข้อ 8 ระบุว่า ให้ระงับข้อพิพาทใดๆที่เกิดขึ้นจากการตีความหรือการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้โดยสันติวิธี ด้วยการปรึกษาหารือและการเจรจา หมายเหตุ : คุยกันดีๆแล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก? เป็นเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม บอกกล่าวก็ดื้อด้าน ไม่ต้องมีข้อตกลงใดๆดีไหม เอาให้เละก่อนโตนายกฯประชุมหน่วยความมั่นคงต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น. ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนหน่วยงานความมั่นคง หลังกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ผิดหวังท่าทีกัมพูชา ไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดระหว่างกัน และเดินหน้านำเรื่อง 4 จุดข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก ในวงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรองนายกฯ รัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งการเรียกประชุมด่วนดังกล่าว ทำให้นายกฯเลื่อนให้ น.ส.สุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ เข้าเยี่ยม ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปเป็นวันที่ 17 มิ.ย.เวลา 14.00 น.“ฮุนเซน” ขู่ไทยต้องเปิดด่านทั้งหมดวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างการประชุมวุฒิสภา วันนี้เป็นวันที่กัมพูชาควรจะปิดด่านข้ามแดนกับไทยทั้งหมด แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจไปก่อนหลังจากนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาหารือทางโทรศัพท์กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย อย่างไรก็ตาม หากไทยไม่เปิดด่านข้ามแดนทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง รัฐบาลกัมพูชาจะดำเนินการห้ามนำผักและผลไม้ไทยผ่านด่านข้ามแดนเข้ามาในกัมพูชา และหากไทยตัดสินใจเปิดด่านในช่วงเวลา 06.00-22.00 น.ตามปกติเหมือนที่เคยทำกันมา ทางกัมพูชาก็จะยกเลิกมาตรการกีดกันการข้ามแดน แต่ย้ำด้วยว่าเรื่องนี้กัมพูชาจะไม่เจรจากับไทย เนื่องจากกองทัพไทยเป็นคนเริ่มก่อน ไม่จำเป็นต้องมารักษาหน้าให้กัน จะไม่ยอมเอาชื่อเสียงตัวเองไปแลกเพื่อแก้ไขความผิดพลาดของคนอื่นตั้ง “บิ๊กเล็ก” นำทีม ฉก.รับมือจากนั้นเวลา 12.00 น. ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าการประชุมเจบีซี เป็นผลสำเร็จที่ได้พูดคุยกันและยอมรับกรอบการประชุม เราพูดคุยทุกระดับทั้งหน้างานจนถึงนายกฯ พูดคุยติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่อง วันนี้ที่ประชุมตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นทีมไทยแลนด์ มอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รมช.กลาโหม เป็นคนนำทีม ในเรื่องศาลโลกยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับ แต่ได้ตั้งทีมทำงานขึ้นมาว่าเราจะปกป้องและตั้งรับอย่างไร หาข้อมูลต่างๆว่าจะสามารถปกป้องประเทศหรือตอบโต้อะไรยังไงบ้าง เราต้องมีกรอบในการทำงาน ตอนนี้เราศึกษาในเรื่องกฎหมายและประวัติความเป็นมา มีข้อมูลครบแล้วซัดสื่อสารไม่มืออาชีพทำวุ่นวายส่วนกรณีสมเด็จฮุน เซน ประกาศจะปิดด้านชายแดนทุกด่านนั้น น.ส.แพทองธารยืนยันว่าเราไม่ได้ปิด เพียงแต่เปลี่ยนเวลาการเปิดปิด เราได้ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติให้กองทัพเป็นผู้ดูสถานการณ์ ยืนยันว่าเราได้พูดคุยตลอด ตนคุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ครั้งแรกวันที่ 28 พ.ค.ตกลงกันว่าเราต้องการสันติภาพไม่ต้องการความขัดแย้ง รักษาชีวิตของประชาชน ไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อของทหารทั้งสองประเทศ เป็นสิ่งที่เห็นตรงกันและพูดคุยกันมาตลอด แน่นอนมีการคุยหลังไมค์ตกลงกันว่าอะไรอย่างไร แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลที่นอกกรอบ เป็นการสื่อสารที่ไม่มืออาชีพทำให้เกิดความวุ่นวาย คิดว่าการสื่อสารแบบนี้ทำให้เกิดผลลบกับทั้งสองประเทศเตรียมจัดประชุมอาร์บีซีสองฝ่ายนายกฯกล่าวอีกว่าข้อความที่ทางกัมพูชาโพสต์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ การที่จะประกาศเรื่องการปิดด่านเลยส่งผลกระทบ เราห่วงใยทั้งเรื่องการค้าขายตรงนั้นด้วย เราถึงไม่มีการปิดด่านแต่ปรับเวลา และตนได้แจ้งทางกัมพูชาว่าจะมีการประชุมในวันนี้ก่อน เพื่อรายงานผลว่าเราจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และได้ส่งข้อความถึงนายกฯกัมพูชาว่า เสนอให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ซึ่งเป็นการประชุมระดับกองทัพของทั้งสองประเทศว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ว่าเพิ่งส่งไป และได้เห็นข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊กถือเป็นการสื่อสารที่ไม่อยู่ในกรอบแจงมีอาวุธหนักจึงกำหนดเวลาด่านใหม่เมื่อถามว่า ปฏิกิริยาหลังการประชุมเจบีซี ไทยพยายามใช้วิธีเจรจาแบบทวิภาคี แต่เหมือนกัมพูชาไม่มีความจริงใจในการพูดคุยแบบนี้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การประชุมเจบีซี เราประชุมด้วยกันทั้งคู่ ถือเป็นผลสำเร็จ เราต้องการสันติภาพ ความจริงในเจบีซีคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรอย่างที่กระทรวงการต่างประเทศแถลงไม่ได้ติดขัดหรือพลิกล็อกอะไรทั้งสิ้น ส่วนการรับมือสงครามข่าวสารนั้น การสื่อสารแบบนี้ไม่ได้เกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ การปล่อยข่าวที่ตกลงกันว่าอย่าเพิ่งปล่อย เพราะจะต้องคุยกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร เพราะคนที่อยู่หน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารเป็นคนละคนกัน เราจะทำอะไร ตัดสินใจอย่างไร สัมภาษณ์อะไรออกไป ขอให้เห็นใจคนหน้างาน ที่บอกว่าให้สู้เลยๆต้องดูคนหน้างานด้วย ตนคอยอัปเดตตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุที่กำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านใหม่ เพราะเริ่มมีอาวุธหนัก อาวุธระยะไกลมากขึ้น จึงต้องมีกำหนดเวลาใหม่ เพราะมีประชาชนอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก การที่เอาอาวุธใหญ่ออกมา หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะเกิดความเสียหายมากมายกร้าวถ้าจะปะทะต้องรู้เขารู้เราเมื่อถามว่า จะทำให้ทั่วโลกรู้ว่าเราใช้กลไกทวิภาคี เราไม่ได้ขี้โกงเอาแผ่นดินของใคร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อันนี้ถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะการประชุมเจบีซีหรืออาร์บีซี ต้องเป็นการประชุมที่สามารถจะจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่คุยกันแล้วแยกย้าย และทั่วโลกสามารถรับรู้ได้ว่าเราตกลงอะไรกันบ้าง วันเดียวกันนี้ 16 มิ.ย. กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญทูตต่างประเทศมาประชุม เพื่อให้รับทราบสิ่งที่เราดำเนินการ และ รมว.ต่างประเทศได้คุยกับทูตกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. ได้กำหนดในการคุยครั้งนั้นแล้วว่าเราต้องการอะไร แต่สิ่งที่เราอาจจะทำน้อยกว่าเขานั่นคือการสื่อสารออกสู่ที่สาธารณะ เพราะเราเคารพการเจรจาระหว่างประเทศ เราเคารพเราให้เกียรติทั้งสองประเทศว่าสิ่งที่คุยควรจะเป็นสิ่งที่เป็นทางการและอยู่ในกรอบทวิภาคี แต่ถ้ามีการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการมากมาย เราต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกันว่า ไม่เคยที่จะยั่วยุหรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใดๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตนเป็นนายกฯ ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงตรงชายแดนนั่นแปลว่าตนต้องรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าตนจะต้องตกลงในการปะทะ ต้องมีการคุยกับทหารด้วยว่าพร้อมหรือไม่ เราอยู่ในสถานะไหน เขาอยู่ในสถานะไหน ไม่ใช่จู่ๆจะมีเรื่อง ตรงนี้คือกรอบที่เราทุกคนต้องยึด แน่นอนว่าการปล่อยข่าวหรือปล่อยคำพูดอะไรออกมาที่ไม่เป็นทางการและส่งผลกระทบ ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่เป็นผลดีกับทั้งสองประเทศยันต้องร่วมรักษาอธิปไตยเมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรเมื่อกัมพูชาเล่นสงครามข่าวสารแบบนี้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้เห็นตรงกันในทุกๆส่วน กองทัพเองคิดเหมือนเราว่าต้องปกป้องอธิปไตยไว้ แต่จะทำอย่างไรให้ยืดการปะทะการเสียเลือดเนื้อให้ออกไปไม่ให้เกิดขึ้น แต่ยังคงต้องรักษาอธิปไตยของเราไว้ ตรงนี้เห็นตรงกันทั้งรัฐบาลและกองทัพ ใครจะปล่อยข่าวว่าตีกัน เราไม่เคยตีกัน กองทัพกับรัฐบาลตอนนี้คุยกันทุกเรื่องว่าจะทำอย่างไร ตนให้เกียรติกองทัพเสมอเพราะเป็นคนหน้างาน และเป็นคนรู้ในเรื่องของอาวุธทุกอย่าง รัฐบาลต้องคุยด้วยว่าจะเอาอย่างไร ตนคุยหลังไมค์อย่างไรก็เช็กกับกองทัพทุกครั้งว่าเราจะเดินอย่างไรที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ กองทัพเองก็เช่นกัน ปรึกษากับรัฐบาลว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ กรอบของต่างประเทศทำได้หรือไม่ได้ย้ำ รบ.ไม่มีปัญหากับกองทัพ“ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน และขอให้ทุกคนช่วยซัพพอร์ตกองทัพกับรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารักษาอธิปไตยของเราไว้ เราพูดในข้อความที่มันตรง พูดในข้อความที่รู้ได้ว่าประเทศไทยเป็น ปึกแผ่นและเราก็จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ให้ใครมาใส่ร้ายให้ใครมาขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน เราก็เป็นประเทศแข็งแรงเช่นกัน จุดนี้เองจะทำให้เราทุกคนรู้ว่าวันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกาก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก” นายกฯกล่าวยกเลิกประชุม สมช.ปมเน็ต–ไฟฟ้าจากนั้นในเวลาต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ประธานรัฐสภากัมพูชา ระบุจะปิดชายแดน ไทย-กัมพูชาทุกด่าน หากไทยไม่ยอมเปิดด่านภายในวันที่ 16 มิ.ย. กล่าวเพียงสั้นๆว่า นายกฯได้แถลงไปแล้ว และบ่ายวันเดียวกันนี้ไม่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อประเมินสถานการณ์และแนวทางการดำเนินการภายหลังรัฐบาลกัมพูชาประกาศยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคม และกระแสไฟฟ้าจากไทยแล้วพระราชทานสิ่งของ–กำลังใจทหารส่วนบรรยากาศตามแนวชายแดน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสาย ที่ปราสาทตาเมือนธม ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เดินทางมาที่ชายแดนช่องบก ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อัญเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 พร้อมพระราชทานขวัญและกำลังใจ น้อมนำพระราชกระแสห่วงใยและกำลังใจมายังประชาชนหมู่บ้านชายแดน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหารในการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ข้าราชการฝ่ายปกครอง ตำรวจ และประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ หลังอัญเชิญสิ่งของพระราชทานเป็นกำลังใจให้ทหาร พล.อ.ไพบูลย์ได้ล้อมวงพูดคุยกับนายอนุทิน รอง ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 2 ผบ.กกล.สุรนารี ปลัดมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไทย–เขมรแห่รอแน่นด่านส่วนที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนบ้านคลองลึก มีคนไทยและกัมพูชาเข้ามาต่อคิวเพื่อรอข้ามแดนตั้งแต่เวลา 03.00 น.โดยด่านฝั่งไทยเปิดประตูในเวลา 08.00 น. ส่วนฝั่งกัมพูชาเปิดประตูด่าน เวลา 09.00 น. จากการสอบถามนางพา ชาวกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย 10 กว่าปี จนทุกวันนี้ ลูกทั้งสองได้เรียนหนังสืออยู่ในไทย ยอมรับว่ากังวลมาก กลัวว่าจะเกิดการบานปลายไปมากกว่านี้ ส่วนตัวยังไม่อยากกลับไปอยู่บ้าน เพราะรักประเทศไทย อยู่ที่นี่อบอุ่นดี นายจ้างดีทุกคน ไม่มีใครไล่ตนเลย และตอนนี้ลูกของตนก็เป็นเด็กพิเศษด้วย ต้องไปหาหมอทุกเดือน ถ้าทางรัฐบาลกัมพูชาเรียกคนกัมพูชากลับประเทศจริงๆ ตนก็คงลำบากมากๆ แต่ถึงจะไม่อยากกลับ แต่คงต้องทำตามกฎหมายของประเทศกัมพูชา ถึงแม้กลับไปแล้วก็ยังหวังจะได้กลับมาประเทศไทยอีกรวบเขมรลอบปลูกที่พักในไทยอีกด้านหนึ่ง ตร.ตม.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่าที่บริเวณกลางทุ่งนา ม.2 ต.หันทราย อ.อรัญประเทศ มีชาวกัมพูชาลักลอบมาปลูกกระท่อมและเพิงพักจำนวน 5-6 หลัง คล้ายหมู่บ้านเล็กๆ ข้างบ่อน้ำกลางทุ่งนา ท้ายหมู่บ้าน จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นกระท่อมและเพิงพัก พบชาวกัมพูชาพัก 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน และเด็ก 1 คน ตรวจสอบไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตทำงานในไทย จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเพิงพักอีกหลัง อยู่ท้ายทุ่งนาในพื้นที่ ม.5 ต.หันทราย พบนายเรน เรนโซ อายุ 56 ปี ชาวกัมพูชา ตรวจสอบพบเป็นบุคคลอยู่เกินกำหนดอนุญาต ถึง 1,049 วัน จึงควบคุมตัวชาวกัมพูชาทั้งหมด 6 คน ส่ง สภ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีต่อไปไม่ห่วงแรงงานขาดแคลนด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวที่กระทรวงแรงงาน ถึงกรณีทางการกัมพูชาเรียกให้แรงงานในไทยกลับประเทศว่า ขึ้นอยู่กับตัวแรงงานจะกลับหรือไม่ เรียกกลับ 5 แสน แต่กัมพูชามีงานรองรับ 2.5 แสน แล้วที่เหลือจะทำอะไร ขณะนี้มีแรงงานชาวกัมพูชาทำงานในไทยอย่างถูกต้องตามเอ็มโอยูกว่า 4 แสนคน และเป็นแรงงานที่ไม่ถูกต้องราว 1-2 หมื่นคน เข้ามาเก็บผลไม้ตามฤดูกาล เมื่อครบกำหนดจะเดินทางกลับประเทศในช่วง 2 เดือนนี้ ราว 2 หมื่นคน ซึ่งขณะนี้หมดฤดูกาลแล้ว แต่คนที่อยู่ทำงานตามเอ็มโอยู 2 ปี ทางสถานประกอบการยืนยันไม่มีใครแจ้งความประสงค์จะกลับ และกระทรวงแรงงาน รัฐบาลไทยยืนยันจะไม่มีการส่งกลับถ้าไม่อยากกลับไป ส่วนคนที่พาสปอร์ตหมดอายุ กรมการจัดหางานจะต่ออายุให้เพียงฝ่ายเดียวเป็นเวลา 1 ปี จึงขอให้สบายใจ แต่ถ้าปัญหายังยืดเยื้อต่อไป ยังเชื่อว่าแรงงานเมียนมาอีกกว่า 1.8 ล้านคน ที่กำลังต่ออายุทำงาน และกลุ่มที่สถานะไม่ถูกต้องอีก 1 ล้านคน อยู่ระหว่างดำเนินการออกเอกสารรับรองสถานะคน (ซีโอ) ให้ทำงานในประเทศได้อย่างถูกต้อง จะทำให้มีแรงงานสำรองเพียงพอรมว.ศธ.พา นร.ซ้อมลงหลุมหลบภัยวันเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ไปให้กำลังใจนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยาและโรงเรียนบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมร่วมร้องเพลงชาติไทยเพื่อปลุกขวัญและกำลังใจ ก่อนซ้อมวิ่งเข้าหลุมหลบภัยไปพร้อมกับนักเรียน และพาเด็กๆร้องเพลงภายในหลุมหลบภัยเพื่อผ่อนคลายจากความเครียด ทั้งนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูนเปิดเผยว่า ภาพรวมการเตรียมความพร้อมของทั้ง 2 โรงเรียน มีความเรียบร้อย มีการจัดทำแผนเผชิญเหตุเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดทำคู่มือแผนเผชิญเหตุเกี่ยวกับภาวะภัยสงครามสำหรับโรงเรียนที่อยู่ติดแนวชายแดน เพื่อให้เด็กตระหนักรู้และมีสติอยู่ตลอดเวลาในการวิ่งหนีภัย รวมถึงการจัดทำระบบสัญญาณการแจ้งเตือน เป็นต้น ส่วนการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาอาจกระทบถึงเด็กนักเรียนกัมพูชาที่เข้ามาเรียนในไทยนั้น เป็นเรื่องของความมั่นคง ศธ.ไม่มีการปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา พร้อมให้โอกาสเด็กทุกเชื้อชาติ“นายกฯ” ย้ำไทยไม่ยั่วยุท้าทายต่อมาเวลา 15.55 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตผ่าน X ระบุว่า จากจุดเริ่มต้นสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ตนและทุกหน่วยงานยึดหลักสันติวิธีในการแก้ปัญหา เจรจาตามกรอบทวิภาคี ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อรักษาบูรณภาพทางดินแดน ปกป้องอธิปไตย สร้างสันติภาพตามแนวชายแดน การเจรจาของรัฐบาลไทยเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติสากลผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของรัฐ งดเว้นการสื่อสารรายวัน ไม่ยั่วยุหรือท้าทาย ให้เกียรติประเทศคู่เจรจา ขอย้ำรัฐบาลไทยไม่เคยออกคำสั่งปิดด่านชายแดน สิ่งที่ดำเนินการอยู่คือการกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน จากมติที่ประชุม สมช.ป้องกันผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของกำลังทหารและอาวุธที่ใช้ปฏิบัติการระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา ที่ผ่านมาการประชุม JBC ผ่านไปด้วยดี แม้มีข้อเห็นต่างกัน แต่เพื่อรักษาแนวทางการเจรจา รัฐบาลไทยจึงเสนอให้มีการประชุมในกรอบ RBC เป็นระดับผู้นำกองทัพ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียด ให้ทั้งสองฝ่ายมีการปรับกำลังในพื้นที่เผชิญหน้า ให้กลับมาเหมือนปี พ.ศ.2567ไม่เคารพกติกา โลกไม่ยอมรับน.ส.แพทองธารกล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลกัมพูชาจะเดินหน้านำ 4 พื้นที่พิพาทเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก และไม่เข้าร่วมกระบวนการดังกล่าว เพราะเชื่อมั่นในกลไกทวิภาคีที่มีความจริงใจของทั้ง 2 ประเทศ คือแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้มีการตั้งคณะทำงานทีมไทยแลนด์ มี รมช.กลาโหม เป็นหัวหน้าคณะ การทำงานของรัฐบาลและกองทัพเป็นเอกภาพ ทุกคนคือทีมไทยแลนด์ วันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารู้สึกเหมือนพี่น้องคนไทยทุกคนว่าการรักษาอธิปไตยของชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน คือภารกิจอันสำคัญสูงสุด รัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ วันนี้ถ้าไม่เคารพกติกา ก็จะไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่