ผ่าน 72 ชั่วโมง นับถอยหลังห้วงเวลา “บีบหัวใจ”สัญญาณชีพริบหรี่ลงทุกวินาที ความหวังในการค้นหาผู้รอดชีวิตจากซากอาคารมรณะ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ย่านจตุจักร ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงสุดในประเทศไทย ตั้งแต่บ่ายวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปาฏิหาริย์เลือนรางลงทุกขณะแนวโน้มคนตายเป็นเบือ ความสูญเสียขั้นวิปโยคมันต้องมีคนรับผิดชอบ ชดใช้ค่าชีวิต กับ “ภัยธรรมชาติ” ที่ประจาน “ภัยมนุษย์คอร์รัปชัน” ที่ซ่อนอยู่ใน “วงจรอุบาทว์” เบื้องหลังขบวนการกลุ่มทุนข้ามชาติที่ร่วมหุ้นกับคนไทย โดยผู้มีอำนาจรัฐคือตัวจริงที่ฟาดผลประโยชน์มันปากหมกเม็ดกันอยู่ในเครือข่าย บริษัท “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10”โดยชื่อบ่งบอก จ้องหากินกับสัมปทาน นัวเนียกับขุมสมบัติที่ดินของการรถไฟฯ บริษัทโนเนม แต่ฟันโครงการมูลค่าพันๆล้านของหน่วยราชการไทย แกะรอยที่ตั้งสำนักงาน ตึกแถวย่านฝ่ังธนฯ ขายยางรถยนต์กับเสื้อผ้าออนไลน์ และเคยมีเหตุ “พลเอก” นามสกุลดังยิงตัวตายคาสำนักงานเมื่อ 3 ปีก่อนผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นพนักงานเก่าแก่ แค่เซลส์แมนขายยางพิรุธชัดๆ “นอมินีกระจอก” แต่ที่ไม่ธรรมดา เพราะเส้นสายไปโยง “บริษัทแม่” โคตรยักษ์ คือ บิ๊กรัฐวิสาหกิจของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีรัฐบาลปักกิ่งถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นธุรกิจของกองทัพจีนที่โดนประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐอเมริกา สั่ง “ขึ้นบัญชีดำ”และก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญ ตามภาพกลุ่มชายชาวจีนรีบขนเอกสารออกจากตึก สตง.ตั้งแต่นาทีแรกๆที่เกิดเหตุถล่ม ก่อนที่สหรัฐฯจะส่งทหารเข้ามาช่วยกู้ซากตึก อิสราเอลส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกู้ภัยปมอ่อนไหว การเมืองระหว่างมหาอำนาจจีนกับชาติตะวันตกในเครื่องหมายคำถาม ตามสถานะที่ไทยตกที่นั่งเลือกข้างจีนเต็มๆไล่ตั้งแต่การอนุมัติก่อสร้างในช่วง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2563 ยุครัฐบาล 3 ป. โดยสภาพงบฯผูกพัน มีการอนุมัติยืดเวลาก่อสร้างในยุครัฐบาลเพื่อไทย ที่ “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก็สานต่อความสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน ถึงขั้นตัดสินใจส่งผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปให้รัฐบาลปักกิ่ง“อิ๊งค์” แทงหวยแล้ว การลุยสอบตึก สตง.จะติดกำแพงเมืองจีนหนาๆหรือไม่ที่แน่ๆตึก “เมดอินไชน่า” ถล่ม ฉุดเครดิตประเทศไทยเสียหายประเมินไม่ได้ ภาพอาคารสูง 30 ชั้น พังทลายต่อหน้าต่อตา ยิ่งกว่าฉากหนังฮอลลีวูด กระตุกต่อมแพนิกคนไทย ผวานอนตาไม่หลับ แห่ขายทิ้งคอนโดมิเนียม หั่นราคาแหลกลาญ ส่อทำตลาดอสังหาริมทรัพย์เสียหายนับแสนล้าน หุ้นดิ่งระเนระนาดกว่าจะการันตีความปลอดภัย มั่นใจมาตรฐานตึกยักษ์ ต้องอีกพักใหญ่แม้โดยธรรมชาติคนไทยลืมง่าย เดี๋ยวอาการแพนิกก็ซาไป แต่นั่นไม่ใช่กับอารมณ์ของนักลงทุน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ยึดมาตรฐานการบริหารจัดการความปลอดภัย แผนเผชิญภัยพิบัติ เป็นหลักสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดภาพข่าวคนไทยช็อกแผ่นดินไหว บรรยากาศไม่ต่างกับ “วันสิ้นโลก”ประชาชนเป็นล้านๆหนีตายกันอลหม่าน ไปออกันบนท้องถนน กลัวหูตาตื่นอยู่นอกอาคาร นานเป็นชั่วโมง โดยไม่รู้หลักปฏิบัติ ทำได้แค่สวดมนต์ไหว้ฟ้าไหว้ดินทั้งๆที่จุดศูนย์กลางในเมียนมา กว่าแรงเขย่าจะถึงกรุงเทพฯ มีเวลา 5–7 นาที ในการส่งสัญญาณเตือนให้ประชาชนหนี ลดความสูญเสียได้อีกมาก แต่ระบบเตือนภัย “บอดสนิท” เอสเอ็มเอสแนะรับมือแผ่นดินไหวข้อความแรกส่งเข้ามือถือประชาชนบางคน ปาเข้าไปเกือบทุ่มเศษตามสภาพเบี่ยงเสียงด่า “นายกฯอิ๊งค์” ต้องรีบไล่เฉ่ง กสทช. เสียงเขียวใส่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แต่ไม่ได้หันไปสบตา “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หน่วยเหนือ ปภ. บ้อท่า เหตุจากการจัดวางคนไม่ตรงกับงาน เน้นสายบุรีรัมย์คุมกรมใหญ่สถานการณ์หน้างาน ตึก สตง.ถล่ม เต็มไปด้วยหน่วยกู้ภัย แต่ไม่มีคนบัญชาการหลัก กว่าจะตั้งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ไปโชว์สั่งการ ออกตัวยืนยัน แผ่นดินไหวไม่มีที่ไหนเตือนล่วงหน้าคนนับแสนต้องติดอยู่กลางเมือง รถไฟฟ้าหยุดวิ่งกะทันหัน บางส่วน ต้องนอนในสวนสาธารณะ อีกส่วนต้องเดินกลับบ้าน รถติดวินาศสันตะโร โดนแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์สับโขกราคา กว่าที่รัฐจะจัดรถเมล์บริการก็ช้าเกินไปไม่ใช่ก็ใกล้เคียง สภาพไม่ต่างจาก “failed state” รัฐล้มเหลว.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม