รักษาราชการอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ขึงขัง ลั่นสัปดาห์หน้าต้องจบเอาผิด ขรก.ซี 7 และลูกสาวพนักงานราชการโกงเงินหลวง 51 ล้าน ตั้งคกก.วินัยร้ายแรงฯสั่งให้ออกไว้ก่อนทั้งคู่ เผยทีมงานกรมเป็นผู้ตรวจสอบย้อนหลังไป 10 ปี จนพบการทุจริตไม่ใช่ทีมของ ปปท. พร้อมให้ชื่อผู้ต้องสงสัยร่วมก๊วนที่อาจเกี่ยวข้องในเส้นทางเงิน จ่อคิวเรียกอดีต ผอ.กองคนเก่าๆสอบถามระบบควบคุมดูแล ยันหากคนในกรมมีเอี่ยวอีกเอาผิดถึงไหนถึงกัน ด้านผู้การ ปปป.จ่อเรียกสอบ 3 ผู้ต้องหาเพิ่มในส่วนที่พบการกระทำผิดอีก มั่นใจเอาผิดได้แน่ถึงแม้ทั้งหมดจะให้การปฏิเสธกรณีตำรวจ ปปป.บุกจับนางจรรยา ทรัพย์ธรณี อายุ 54 ปี นักวิชาการพัสดุ ฝ่ายพัสดุ ซี 7 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข น.ส.รัตนาภรณ์ หงษ์ทอง อายุ 32 ปี เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงานฝ่ายบริหารทั่วไป กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาที่ทำงาน หลังร่วมกับนายอานนท์ หงษ์ทอง อายุ 32 ปี ลูกเขย ทำเอกสารเท็จ เบิกเงินจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์ โดยไม่มีการส่งมอบวัสดุตามใบจัดซื้อจริง เป็นเงิน 51 ล้านบาท ขณะที่ทั้ง 3 คนปฏิเสธโกงเงินหลวง ก่อนใช้เงินสดคนละ 4.5 แสนบาทประกันตัว ขณะที่ตำรวจเตรียมส่งเอกสารอนุมัติการสั่งซื้อให้ พฐ.ตรวจลายเซ็นอีกครั้ง ด้าน “หมอชลน่าน” รมว.สาธารณสุข ลั่นสังคายนาการจัดซื้อจัดจ้างทั้งระบบทุกกรมกอง ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ต้องเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายทั้งอาญาและวินัย ขณะที่ ปลัด สธ.สั่งล้อมคอกกำชับไม่ให้เกิดขึ้นอีกเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับแม่ลูกข้าราชการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ทุจริตยักยอกเงินหลวงกว่า 10 ปี รวมกว่า 50 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้นางจรรยา ทรัพย์ธรณี คนแม่ เป็นข้าราชการซี 7 ส่วน น.ส.รัตนาภรณ์ หงษ์ทอง ลูกสาว เป็นพนักงานราชการ การเป็นข้าราชการแล้วมีพฤติกรรมเช่นนั้นให้ออกไว้ก่อนอยู่แล้ว ส่วนพนักงานราชการจะมีระเบียบปฏิบัติของพนักงานราชการ จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเพื่อสรุปและไล่ออก โดย 2 คนนี้จะไม่อยู่ในระบบราชการอีกแล้ว เหตุการณ์แบบนี้เราให้ออกไว้ก่อนได้อยู่แล้วเมื่อถามว่าจะต้องตรวจสอบย้อนหลังถึงคนที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพราะมีการตั้งข้อสงสัยว่า 2 คนไม่น่าจะทำกันได้ นพ.ยงยศกล่าวว่า ที่ตรวจมาทั้งหมดเป็นทีมของตนที่ตรวจสอบย้อนหลังไป 10 ปี ไม่ใช่ทีม ป.ป.ท. เราตรวจสอบครบแล้ว แต่มีบางจุดที่อาจจะส่งคนที่มีความชำนาญลงไปดูในระบบอีก 1-2 จุด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคนอื่นหรือไม่ ได้แจ้ง ป.ป.ท. และ ปปง.ไปแล้วว่า บางทีเส้นทางที่จะเชื่อมโยงได้อาจเป็นเส้นทางการเงิน เส้นทางการถ่ายโอนทรัพย์สินซึ่งกันและกัน ตรงนั้นจะมีกฎหมายและเรื่องความสามารถมากกว่าพวกเราที่เป็นข้าราชการ ก็ได้เรียน 4 ป.หน่วยปราบปรามทุจริตไปแล้วว่าขอให้ไปดูตรงนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ทางนั้นจะไปดำเนินการต่อ ส่วนจะมีคนในกรมที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ถ้ามีก็บอกแล้วว่าถึงไหนถึงกัน ไม่ต้องกังวลเมื่อถามอีกว่าจะมีการเชิญ ผอ.กองคนเก่าในช่วง 10 ปี มาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นพ.ยงยศกล่าวว่า ต้องเชิญหมดเพื่อตรวจสอบว่าระบบแต่ละคนที่วางไว้เป็นอย่างไร ควบคุมกำกับดูแลอย่างไรอยู่ในคิวต่อไปที่จะดำเนินการ เรื่องนี้ต้องทำยาวทำจนกว่าจะได้คำตอบที่สงสัยหมดทุกคำตอบ แต่ถ้าเหมือนเรื่องของสองคนที่ทำผิดนี้ สัปดาห์หน้าต้องจบ แต่การหาไปยังคนอื่นๆต้องหาหลักฐานที่เชื่อได้ หรือมีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงจะดำเนินการต่อไปได้ แต่เรื่องนี้จะดำเนินการต่อจนต้องเคลียร์ให้ได้คำตอบหมดทุกส่วน“เราทำงานมา 2 เดือนเต็มเรื่องของสองคนนี้ ในส่วนของเราคงจบแล้ว เพียงแต่ต้องทำตามระเบียบปฏิบัติของราชการที่ต้องทำตามขั้นตอน แต่คำตอบสุดท้ายได้อยู่แล้ว แม้วันศุกร์ที่ผ่านมาที่มีการดำเนินคดี มีการประกันตัว แต่ตอนนี้ก็เป็นระเบียบข้าราชการพลเรือน วันจันทร์ที่ 11 ธ.ค.จะตั้งคณะกรรมการวินัยร้ายแรงของกรม พิจารณาให้นโยบายชัดเจนไว้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องให้ออกไว้ก่อนสถานเดียว ไม่มีมายึกยักอะไรอีก” นพ.ยงยศกล่าววันเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนี้ว่า ได้ให้พนักงานสอบสวนประสานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจดูการกระทำผิดของนางจรรยาพร้อมพวกว่าร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่ทราบ รักษาการอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สั่งระดมเจ้าหน้าที่ 10 กว่านายตรวจสอบย้อนหลังจนทราบตัวเลขค่อนข้างแน่ชัด กระทำผิดมาตั้งแต่ปี 56 ทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้างรวม 721 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นมากกว่า 51,300,000 บาท หลังจากนี้อาจจะต้องเรียกผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่ม เนื่องจากการดำเนินคดีจนขอออกหมายจับเป็นความผิดในแค่ส่วนที่ทำเอกสารปลอม 44 ครั้ง เป็นเงิน 4 ล้านกว่าบาท แต่ตอนนี้เมื่อตรวจสอบย้อนหลังกลับไปพบการกระผิดดังกล่าวอีก ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีกแน่นอน ถึงแม้ผู้ต้องหาจะปฏิเสธแต่ไม่ได้หนักใจ เพราะเอกสารหลักฐานรวมทั้งพยานบุคคลต่างๆ สามารถเอาผิดดำเนินคดีได้แน่นอนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่