อ่านหนังสือมากเล่ม เขียนถึงพระคเณศไปหลายเรื่องจนตัวเองก็ชักสับสน...พระคเณศ มีงาเดียว งาที่หาย ข้างไหน และพระคเณศ กับพระขันทกุมาร เป็นอะไรกัน เป็นพี่เป็นน้องกันหรือเปล่า?เจอหนังสือ “ภารตวิทยา” (กรุณา-เรืองอุไร กุศลาศัย เขียน สำนักพิมพ์ศยาม พิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ศ.2547) เลือกคัดตัดเอามา ตั้งใจหาคำตอบให้ตัวเองพระคเณศของไทยเป็นเทพประจำศิลปวิทยา เป็นตราประจำกรมศิลปากร เป็นตราวรรณคดีสโมสร เดิมนั้นท้องไม่พลุ้ยเหมือนพระคเณศอินเดียในเรื่องของไทยเล่ากันว่า อัปสรคนหนึ่งทำผิด ต้องจุติลงมาเกิดเป็นช้างน้ำ ชื่ออสุรภังคี มีฤทธิ์เดชมาก ทำให้ความเดือดร้อนวุ่นวายให้สามโลกพระอิศวรทรงดำริให้พระขันทกุมาร พระโอรสไปปราบ แต่จะต้องโสกันต์เสียก่อน พิธีจัดที่เขาไกรลาส พระพรหม พระนารายณ์ได้รับเชิญมาเจริญพระเกศาถึงเวลาพระนารายณ์ไม่มา เพราะเผลอบรรทมเพลิน พระอิศวรสั่งให้พระอินทร์เอาสังข์ไปเป่าปลุก พระนารายณ์ลืมพระเนตรงัวเงียบ่น “ลูกหัวหายจะนอนหลับให้สบายสักหน่อย”อำนาจวาจาสิทธิ์พระนารายณ์ เศียรทั้งหกพระขันธกุมารก็หายไปทันทีพระอิศวรมีเทวโองการให้พระวิษณุกรรม ไปหาศีรษะคนในโลกมนุษย์มาต่อ แต่พระวิษณุกรรมหาศีรษะคนไม่เจอ เจอแต่ช้างตายหันศีรษะไปทางตะวันตก จึงตัดเอามาต่อเป็นเศียรพระขันธกุมารนับแต่นั้น พระเป็นเจ้าทั้งสามตกลงกัน เปลี่ยนชื่อพระขันธกุมาร เป็นพระคเณศเป็นอันผมแน่ใจได้แล้วว่า ที่แท้พระคเณศศีรษะช้างนั้น ก็องค์เดียวกับพระขันธกุมาร ที่เคยอ่านว่าทรงนกยูงนั่นเองคัมภีร์ไม่ได้เขียนว่า มีพิธีโสกันต์ พระคเณศศีรษะช้างตามกำหนดหรือไม่...น่าจะไม่ เพราะช้างไม่มีผม แต่หน้าที่คือหน้าที่ พระคเณศก็ต้องรับงานปราบอสุรภังคีทันทีนั้น พระคเณศก็สำแดงเดช ให้พระกายเป็นสี่กร กรหนึ่งถือบ่วงบาศ กรหนึ่งถือขอ กรหนึ่งถือค้อนเหล็ก และอีกกรถือก้อนเหล็กแดง ทรงหนูเป็นพาหนะ เสด็จไปยังยมนานที ที่อยู่ของอสุรภังคีแค่ประมือเปาะแปะ อสุรภังคีก็รู้ว่าสู้ไม่ไหว หนีไปดำน้ำอยู่ก้นสมุทร พระคเณศอ้าพระโอษฐ์สูบเอาน้ำทั้งมหาสมุทรแห้งจนเห็นตัวอสุรภังคีทรงถอดเอางาเบื้องซ้าย ขว้างใส่อสุรภังคีตาย แล้วคายน้ำให้มหาสมุทรเต็มเหมือนเดิมเอาล่ะ ก็เป็นอันชัดเจน...พระคเณศ ตามคัมภีร์นี้ไม่มีงาซ้าย...เวลาเจอพระคเณศ องค์ที่มีงาซ้าย ก็จะได้ทักว่า ผิดตำรา จะถือว่าเป็นคเณศปลอมเท่าที่ผมอ่านๆมา พระคเณศ ท่านเป็นเทพเจ้าของมวลชนอินเดีย มีคนนับถือมากกว่าสามจอมเทพเอาด้วยซ้ำ ในเมืองไทยเท่าที่เขียนในหนังสือมีมากกว่าห้าสิบปางเข้าไปแล้วและก็อย่าเถียงกัน เรื่องมีงาเดียว งาซ้าย หรืองาขวา หรือมีสองงา ไปถึงเรื่องปาง ปางยืน เดิน วิ่ง นั่ง หรือกระทั่งปางนอน และเท่าที่ตามดู ปางหกคะเมนก็มีคนเขานับถือ จะจินตนาการให้ท่านเป็นแบบไหน...ก็ตามอัธยาศัยของเขาไปซีเรื่องของศรัทธา ขัดกันไม่ได้ เหมือนเรื่องการเมือง ถ้ารัฐบาลเขามุ่งมั่นจะแจกเงินห้าหกแสนล้าน ก็ให้เขาแจกไป รัฐบาลยี่ห้อนี้ เท่าที่รู้จักกันมา ท่านมีคาถาเสกเงินจากอากาศได้แจกแล้วตำราเขาก็บอกว่า เมื่อเงินหมุนไป หมุนไป และหมุนไป เศรษฐกิจที่ว่าฝืดเคืองก็จะฟื้นคืน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม