เทศนาเรื่องต่อไปนี้ พระอาจารย์พรหม สมภารวัดพุทธเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ตั้งชื่อ “โลกเสรี” อยู่ใน “ชวนม่วนชื่น” เล่ม 1 พิมพ์แจกฟรีเมื่อปี 2549 ครับพระรูปนั้นเป็นเพื่อนของท่าน ถูกนิมนต์ให้เข้าสอนฝึกสมาธิ ในเรือนจำแห่งใหม่ ซึ่งมีการควบคุมเข้มงวดรัดกุมที่สุด จากวันที่เริ่มสอนและสอนต่อๆมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์ในบรรยากาศของความคุ้นเคยเต็มที่ บรรดาศิษย์ทั้งหลาย รู้จักท่านดีมาก และเคารพท่านมากท้ายการสอน...วันนั้น ศิษย์คนหนึ่งก็ถามถึงกิจวัตรประจำวัน เมื่ออยู่ในวัดของท่านบ้าง “พวกเราตื่นตีสี่ ทุกเช้า” ท่านว่า “บางวันเช้าขนาดนั้นก็หนาวมากๆ ห้องเล็กๆที่เรานอน ไม่มีเครื่องทำความร้อน”จากการนอน พระอาจารย์เล่าเรื่องการกิน “เราฉันอาหารวันละมื้อ” มีเสียงครางฮือ ท่านก็เล่าต่อ “อาหารที่เราฉัน เรารวมทุกอย่างใส่ลงไปในบาตร แล้วตลอดทั้งวันเราก็ไม่ฉันอะไรอีก ไม่ว่าจะถึงบ่าย จนไปถึงกลางคืน”ตอนนี้เริ่มมีเสียงจอแจแย่งกันถาม พระก็ตอบไปเรื่อยๆ “พระ ไม่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ดูโทรทัศน์ ไม่ฟังวิทยุ...ซึ่งก็หมายความว่า เราไม่เคยดูหนัง ไม่เคยฟังเพลง”มีเสียงถามเรื่องของพระ มีแต่ไม่ ไม่ และไม่ ศิษย์จึงอยากรู้ ตลอดวัน พระเอาเวลาที่ว่างนั้น ไปทำอะไรบ้าง“งานหนักเวลากลางวัน พระทั้งวัดต้องช่วยกันทำ โดยแทบไม่พูดกันเลย ดูแลซ่อมสร้างโบสถ์ ศาลา”“กลางคืน เราใช้เวลาส่วนใหญ่ นั่งสมาธิ เฝ้าดูลมหายใจ”คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เหลือน้อย...มาก คือการนอน “พระเรานอนบนพื้นราบธรรมดา ฟูกหมอนนุ่มนิ่มไม่มี”พระเล่าถึงตอนนี้ บรรดาสานุศิษย์ชาวคุกทั้งหลายซึ่งครางฮือๆ ก็ถึงกับอึ้ง...นิ่งกันไปเลยชีวิตพระในวัด...ที่แสนเคร่งครัดเข้มงวดขนาดนั้น พวกนักโทษ เปรียบเทียบกับเรือนจำมหันตโทษที่พวกเขาอยู่ ดูราวกับโรงแรมห้าดาวในเรือนจำนั้นมีห้องนอนเป็นสัดส่วน มีฟูกมีผ้าปูที่นอนสะอาด หนาวก็มีเครื่องทำความร้อนศิษย์คนที่อยู่ใกล้อาจารย์ที่สุด หลุดปากรำพึง แต่เสียงดังได้ยินกันทุกคน“ถ้าชีวิตของพระในวัดย่ำแย่ถึงขนาดนั้น นิมนต์อาจารย์มาอยู่กับพวกเราที่นี่ ไม่ดีกว่าหรือ?”นักโทษทุกคนในห้อง ระเบิดเสียงหัวเราะ ชีวิตพระ ชีวิตนักโทษในคุก...เปรียบเทียบกันแล้ว เป็นยิ่งกว่าตลกร้าย ใครไม่เจอกับตัวเองไม่รู้พระอาจารย์พรหมเล่าเรื่องเพื่อนพระในคุก แล้วท่านก็สอนธรรม... จริงอยู่ชีวิตของพระในวัดเรา มีข้อปฏิบัติละเอียดเข้มงวดยิ่งกว่าในคุก ความแตกต่างอยู่ที่พระสมัครใจกับชีวิตในวัด มีความสุขกับทุกอย่างที่อยู่ในวัดแต่นักโทษไม่มีความสุข อยากจะหนีจากเรือนจำ เรือนจำที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันประเด็นจึงอยู่ที่...ที่ใดที่เราไม่อยากจะอยู่ ไม่ว่าจะสะดวกสบายขนาดไหน มันก็คือเรือนจำ“นี่คือความหมายแท้ๆของคำว่าเรือนจำ” พระอาจารย์พรหมย้ำ แล้วขยายความต่อหากเรามีตำแหน่งหน้าที่ มีการงานที่เราไม่ชอบ ก็เหมือนเราอยู่ในเรือนจำ ถ้าเรามีความสัมพันธ์ใดๆที่ไม่พอใจ เราก็เหมือนอยู่ในเรือนจำหรือ เรามีร่างกายที่เจ็บไข้ได้ป่วย ทนทุกข์ทรมาน ร่างกายนั้น ก็คือเรือนจำโดยสรุป เรือนจำคือสถานที่ใดๆที่เราไม่อยากอยู่ ไม่อยากเป็นคำถาม ถ้ากระนั้นเราจะหนีจากเรือนจำทั้งหลายได้อย่างไร คำตอบง่ายๆ...ก็แค่เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด จากความเบื่อ ความไม่พอใจ มาเป็นความอยากความพอใจที่จะอยู่ ณ ที่นั้น เท่านั้นใครที่ไม่เคยเข้าเรือนจำ หรือใครที่รู้ตัวว่าจะเข้าใกล้เรือนจำ พยายามฝึกใจเอาไว้ ฉวยพลาดพลั้งต้องติดนาน...จะได้ไม่ทุกข์ทรมานมากจนเกินไป.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม