เลือกตั้งโปร่งใส! นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทยและอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งโจทย์สุดหินผ่าน ทีมการเมือง ไปยัง กกต.ให้แก้หากจัดการเลือกตั้งไม่โปร่งใส เช่น มีบัตรเขย่ง มีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น ประชาชนก็ให้การยอมรับน้อยวิธีทำให้โปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้ เช่น ขอให้ภาคเอกชนเข้าไปเป็นหน่วยสังเกตการณ์ทุกหน่วยเลือกตั้ง กติกานี้มีอยู่แล้ว แต่ไม่มีการตั้งงบประมาณสนับสนุน พอช่วงใกล้เลือกตั้งก็แกล้งทำพอเป็นพิธี อ้างไม่มีคนมาสมัครเช่นเดียวกับระบบการรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ปกติเลือกตั้งเสร็จ ระบบรายงานผลจากหน่วยเลือกตั้งผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือแรบบิทรีพอร์ต รายงานผลอย่างรวดเร็วโดยมีกรรมการการเลือกตั้งหน่วยละ 1 คนทั่วประเทศ ทำหน้าที่ป้อนข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเข้าส่วนกลาง ระบบออโต้บวกคะแนนเสร็จ ส่งให้สื่อมวลชนรายงานผลเป็นระบบเรียลไทม์แต่ กกต.กำลังทำโดยรายงานผลผ่านแอปพลิเคชัน ใช้วิธีถ่ายภาพเอกสารแบบฟอร์มรายงานผล มีการเซ็นชื่อกรรมการหน่วยเลือกตั้งทั้ง 9 คนในเอกสารนั้น ส่งไปให้ศูนย์รวมคะแนนเขต แล้วเอาข้อมูลไปกรอกลงเอกเซลอีกที “คอนเซปต์คนละเรื่อง กกต.พยายามทำไม่เชื่อมต่อกับประชาชน คะแนนไม่เรียลไทม์ ระบบนี้จะล้มเหลวเพราะโทรศัพท์แต่ละเครื่องมีประสิทธิภาพแตกต่างกัน การถ่ายภาพเอกสารขนาด เอ 4 และ 2 หน้า ดูตัวเลขในโทรศัพท์มือถือเล็กกว่าเยอะ แทบมองไม่เห็น จะมีปัญหาการกรอกคะแนนผิดระบบที่ผมเคยทำ!! เป็นสิ่งที่ กกต.ไม่พยายามทำ การถ่ายภาพแล้วมากรอกตัวเลขมันล้าสมัย สมัยผมลงไปกำกับเอง จี้เลยแอปพลิเคชันทำหรือยัง ทดลองระบบ มีระบบเซิร์ฟเวอร์สำรองถ้า กกต.นั่งอยู่เฉยๆ รอรายงานความเรียบร้อย ไม่มีปัญหา ระบบไม่ล้มนะ แค่ย้ำเท่านั้น พอวันจริงระบบล่มจะทำอย่างไร”ทำไม กกต.ทำสวนทาง กกต.ชุดก่อน นายสมชัย บอกว่า สำนักงาน กกต.เป็นฝ่ายเสนอให้ กกต.เป็นฝ่ายดำเนินการ แต่สำนักงาน กกต.พยายามทำให้น้อยที่สุด บนทัศนคติทำมากผิดมาก ทำเพียงภายใต้ระเบียบให้ทำแค่ไหนก็ทำเท่านั้นกกต.ไม่รู้เท่าทัน เพราะไม่ได้ลงไปกำกับการแบ่งเขตการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน ก่อให้เกิดความยากลำบากต่อประชาชนในการแสดงความคิดเห็น มันเป็นการรับฟังแบบพิธีกรรมเพราะติดตามดูรูปแบบแบ่งเขตตามสถานที่ที่ กกต.กำหนด ดูผ่านเว็บไซต์จังหวัดหรือเฟซบุ๊กของจังหวัด ขอท้าเลยพวกเราเข้าไปดู ไม่เจอหรอก แต่ละจังหวัดนำเสนอบนเว็บไซต์แตกต่างกัน แทนที่นำเสนอขึ้นเป็นแบนเนอร์ใหญ่ คลิกปั๊บเจอทันทีรวมถึงกรณีที่ประชาชนต้องแสดงความเห็นตามแบบฟอร์ม ต้องส่งเป็นเอกสาร แนบสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หากมอบอำนาจให้คนอื่นไปยื่น ต้องติดอากรแสตมป์ในใบมอบอำนาจ...บ้าไปแล้ว!! สร้างระเบียบกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการแสดงความคิดเห็น เชื่อว่ามีคนแสดงความคิดเห็นน้อยมาก แทนที่ใช้วิธีที่สะดวก หรือใช้วิธีการเปิดประชาคมและเมื่อแบ่งเขตแล้วมีการให้ทบทวน 5 จังหวัด มี 3 จังหวัดแก้มาแล้ว คือปัตตานี เชียงใหม่ สมุทรปราการ แต่ จ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ ยังไม่ได้แก้จ.ชลบุรีอาจแก้ไม่ยาก แต่ไม่รู้เหมือนไปกระทบพื้นที่บ้านใหญ่ บ้านเล็กหรือเปล่า เลยไม่ยอมเคาะ ต่างกับกรุงเทพฯ เป็นโจทย์ยากมากๆ เชื่อว่าเขารู้มาเป็นปีแล้ว แต่ไม่ยอมปรึกษาหารือถึงทางออก พอเป็นแบบนี้ กกต.ต้องทำการบ้านมากกว่านี้ทีมการเมือง ถามว่า กกต.ประกาศจำนวนประชากรรวมต่างด้าวเข้าไปด้วย นำไปสู่การเลือกตั้งโมฆะอย่างไร นายสมชัย บอกว่า สิ่งที่เห็นในราชกิจจานุเบกษาจำนวนราษฎร แยกเป็น 2 ตาราง ซีกซ้ายราษฎรสัญชาติไทย ซีกขวาไม่ใช่สัญชาติไทย รวมเป็น 66 ล้านคนใช้ซีกซ้ายที่เป็นรัฐไทยหรือซีกขวา“ผมพยายามค้นก็พบว่า ราษฎรต้องเป็นคนสัญชาติเดียวกัน ราษฎรไทยต้องเป็นสัญชาติไทย และค้นกรณีแยกออกเป็น 2 ตารางเริ่มตั้งแต่ปีไหน พบว่า ปี 57 ตอนผมเป็น กกต.ยังเป็นตารางเดียว พอปี 58 แยกเป็น 2 ตารางมีการเลือกตั้ง 1 ครั้งปี 62 ซึ่งใช้ตารางรวม ตอนนั้นไม่มีใครโต้แย้ง เพราะไม่มีใครรู้ใช่ไหม ไม่มีใครยุ่งแม้ทำผิด เป็นการเลือกตั้งภายใต้การกำกับของ คสช.เช่น คสช. สั่งให้ใช้จำนวนราษฎรปลายปี 60 แทนที่จะใช้จำนวนราษฎรปลายปี 61 ส่อขัดรัฐธรรมนูญ”ก่อให้เกิดการคำนวณ ส.ส.ของแต่ละจังหวัดผิดไปจากข้อเท็จจริง จังหวัดที่มีคนไทยหรือราษฎรที่ไม่ใช่คนไทย จังหวัดที่มีราษฎรที่ไม่ใช่สัญชาติไทยเยอะย่อมมีโอกาสได้ ส.ส.มากขึ้น ปัญหาที่ตามมาในปี 62 มีทั้งทำให้ ส.ส.บางจังหวัดลดลง ปัญหาบางเขตเลือกตั้งมีคนไทยมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียงเล็กน้อย เพราะมีคนที่ไม่ใช่สัญชาติไทยอยู่ 6-8 หมื่นคน ผู้สมัคร ส.ส.ได้คะแนน 2-3 หมื่นก็ได้เป็น ส.ส.มันเจอปัญหา 2 อย่าง คือจำนวน ส.ส.ในจังหวัดถูกต้องหรือไม่ และการแบ่งเขตจังหวัดมีคนไทยจริงที่มีสิทธิเลือกตั้งน้อย ทำให้คนคุมเสียงข้างมากเอาชนะการเลือกตั้งได้ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ จะเกิดปัญหาตามมาในอนาคต จังหวัดไหนอยากได้ ส.ส.เพิ่มก็เอาคนที่ไม่ใช่สัญชาติไทยเข้ามาใส่เป็นราษฎรไทยฉะนั้น ขอเสนอให้ กกต.ทำคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 86 แปลความหมายว่าอย่างไรถ้าหมายถึงราษฎรที่มีสัญชาติไทย ต้องถอยกลับมาแก้ไขได้ทัน แต่ถ้ารวมถึงราษฎรที่ไม่ใช่สัญชาติไทยด้วย ถือเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ กกต.ทำถูกต้อง เดินหน้าต่อตามปกติหาก กกต.ไม่ร้อง เดินหน้าอย่างเดียว ในอนาคตมีประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์มีสิทธิร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 60 วัน ยังไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนก็ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงสมมติอีก 3-4 เดือน เลือกตั้งเสร็จประกาศผล เกิดผลกระทบ 6 จังหวัด คือเชียงใหม่ เชียงราย ตาก อุดรธานี ลพบุรี และปัตตานี รวม 40 เขต 8% จาก ส.ส. 500 คน มี ส.ส.ไม่ถึง 95% ย่อมเปิดการประชุมสภาไม่ได้รัฐบาลรักษาการยาวจนกว่าจะเลือกตั้งใหม่ กกต.เข้าข่ายวินิจฉัยบกพร่องต้องจ่ายค่าเสียหาย ฐานประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เพราะหลายฝ่ายออกมาเตือนย้ำแล้วย้ำอีก เป็นสิ่งที่ กกต.ต้องคิด มันเดินไปสู่จุดนี้ได้จริงๆ หากมีการฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่ง สมมติ กกต.แพ้ต้องจ่ายตังค์ เปิดประชุมสภานัดแรกต้องมีจำนวน ส.ส. 95% จุดนี้เปิดช่องให้รัฐบาลรักษาการอยู่ยาวได้ นายสมชัย บอกว่า สมัยก่อนให้กรอบเวลาแค่ 30 วัน กกต.บอกว่าเวลาน้อยไป จะสอยใครก็สอยไม่ทัน ฉะนั้น ขอเป็น 60 วันช่วยกลั่นกรองคนดีเข้าสู่สภาขยายเวลา 60 วัน ไม่ช่วยทำให้ กกต.ทำงานดีขึ้น กกต.ควรใช้โอกาสนี้จัดการเลือกตั้งให้สุจริต คำร้องต่างๆดำเนินการให้เรียบร้อย มีใบเหลืองกี่ใบ ใบส้มกี่ใบก็ว่าไปฉะนั้น ความเป็นห่วงประกาศเลือกตั้งจะไม่ได้ 95% ผมไม่ห่วง ตอนนี้ห่วงอย่างเดียว ถ้ามีประชาชนร้องทำให้ 40 เขตเสียไป ประเด็นนี้ทำให้ไม่ได้ ส.ส. 95%กกต.ผิดฐานประมาทเลินเล่อทำให้เลือกตั้งใหม่หลายพรรคการเมืองเป็นห่วงภายหลังเลือกตั้งมีโอกาสเกิดโมฆะ นายสมชัย บอกว่า เบื้องต้นที่คำนวณมีผลกระทบ 6 จังหวัด แต่มีคนระบุว่าทั้งหมดได้ เพราะประชากร 66 ล้านคน นำไปคำนวณทุกจังหวัด อาจเป็นเกมหนึ่งที่วางไว้? ผมไม่รู้นะครับ!!แต่ที่ผ่านมาเคยใช้ช่องทางดังกล่าว ทำให้การเลือกตั้งตกเป็นโมฆะมาแล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่พึงระวัง!!ประเภทเลือกตั้งมาแล้วดูผลก่อนชนะหรือไม่ ถ้าชนะไม่มีปัญหาแต่แพ้ขึ้นมา มีความเป็นไปได้หาทางตีรวนให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ.ทีมการเมือง