เหตุสะเทือนขวัญ “กราดยิงอุบลฯระหว่างวัยรุ่นแก๊งหาดวัดใต้และขามใหญ่” ตั้งโต๊ะเคลียร์ปัญหาไม่จบ เปิดศึกชักปืนสาดกระสุนถล่มกันสนั่นกลางเมืองอุบลราชธานี “ชาวบ้าน” วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่นเมื่อเสียงปืนสงบลงปรากฏพบ “ผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 6 คน ทั้งหมดเป็นคู่กรณีกัน” แล้วในที่เกิดเหตุตรวจพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ขนาด 11 มม. ลูกซอง และปืนยาวสงครามหลายชนิดตกอยู่เกลื่อนพื้นถนนไม่ต่ำกว่า 150 ปลอก รถยนต์ประชาชนจอดอยู่บริเวณนี้เสียหาย 5 คัน และรถ จยย. 7 คัน เกิดเหตุไม่นาน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ” สั่งการเร่งหาคนก่อเหตุตรวจประวัติย้อนหลังกลุ่มก่อเหตุทั้งหมด “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.” บินด่วนลงมากำกับสั่งไล่ล่าจับแก๊งวัยรุ่นด้วยตัวเองก่อนมีรายงานเด้ง “พ.ต.อ.อดิเทพ พิชาดุลย์ รอง ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี” เข้ากรุปฏิบัติราชการในตำรวจภูธรภาค 3 ตั้งแต่ 4 ส.ค. เบื้องต้นออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 13 หมายจับ และระดมตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจภูธร จ.อุบลฯร่วม 100 นาย ปูพรมบุกค้นบ้านผู้ต้องสงสัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกราดยิงอุบลฯจับผู้ต้องหาได้ 3 คน“ทีมสกู๊ปหน้า 1” ติดต่อแก๊งหาดวัดใต้และแก๊งขามใหญ่ เพื่อรวมรวบชนวนเหตุครั้งนี้ คนใกล้ชิดทั้ง 2 กลุ่มรายหนึ่ง เล่าว่า เหตุกราดยิงอุบลฯเป็นความขัดแย้ง 2 กลุ่มคือ “สิงห์หาดวัดใต้บวกแก๊งหินหยาบ” เป็นวัยรุ่นย่านหาดวัดใต้ ชุมชนริมแม่น้ำมูลฝั่งเมืองอุบลฯ สมทบเด็กนอกพื้นที่ใกล้เคียงชุมชนริมแม่น้ำมูล อ.วารินชำราบอีกกลุ่มคือ “แก๊งอุบลบอย” แตกแขนงมาเป็น “กลุ่มขามใหญ่และกลุ่มดอกฝิ่น” ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นใน ต.ขามใหญ่ ทั้ง 2 กลุ่มนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานหลายสิบปีแล้ว เพราะมักมีเหตุทะวิวาทกันบ่อยๆตามสถานบันเทิงหรืองานประจำปี โดยมีถนนอุปลีสาน อ.เมืองอุบลฯ เสมือนเป็นเส้นเขตแบ่งคั่นไว้ หาก “ใครศัตรูคู่อริเยอะ” เคยมีเรื่องทะเลาะต่อกันบ่อยๆ เมื่อข้ามเขตนี้มักต้องถูกทำร้ายเสมอ ลักษณะล้างแค้นกันไปล้างแค้นกันมาขยายความขัดแย้งออกไปสู่บุคคลอื่นเรื่อยๆ ในส่วน “ขาใหญ่คนสำคัญ” มักไม่มีเรื่องทะเลาะกับใคร แต่ส่วนใหญ่รุ่นน้องคนสนิทที่จะมีเรื่องมาให้ช่วยเหลือออกหน้าจัดการเคลียร์ปัญหาแทนถ้าย้อนดูอดีตเมืองอุบลฯมีแก๊งหลักๆ เช่น แก๊ง 14 ตุลา อุบลบอย หาดวัดใต้ หินหยาบ ปีนเกลียว ลอดช่อง เวียนขวา ปีศาจนรก ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นพื้นที่รวมกลุ่มตั้งชื่อกันขึ้นเอง “ขยายอิทธิพลด้วยการทะเลาะกับกลุ่มอื่น มีอาวุธเป็นขวด ไม้ มีดเข้าทำร้ายกัน” สร้างชื่อเสียงน่าเกรงขามติดวงการนักเลงแล้วสมาชิกก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อกาลเวลาผ่านไป “ขาใหญ่แก๊งต่างๆเติบโตมีครอบครัว” ต่างแยกย้ายออกห่างจากกลุ่มเพื่อนไปทำมาหากินตามวิถีชีวิตของตัวเอง “เด็กวัยรุ่นใหม่” ก็ไม่สนใจการรวมกลุ่มลักษณะนี้ทำให้ไม่มีผู้สืบทอดต่อ คงเหลือไว้แต่ชื่อแก๊งทิ้งไว้เป็นเรื่องเล่า “ยกเว้นแก๊งอุบลบอยและแก๊งหาดวัดใต้” ที่ยังมีเรื่องบาดหมางกันอยู่จนถึงทุกวันนี้แต่ว่าต้นตอเหตุ “เปิดศึกดวลปืนสนั่นเมืองอุบลฯ” เท่าที่รู้มาจากปัจจัยหลายเรื่องสะสมกันมาโดยมีตัวแปรสำคัญคือ “ชื่อย่อนาย ป. อายุราว 30 ปีต้นๆ” อดีตเคยเป็นสมาชิกก่อนก้าวขึ้นมาเป็นขาใหญ่ในแก๊งอุบลบอย และอีกฝ่าย “ชื่อย่อนาย ส.ขาใหญ่หาดวัดใต้” อันเป็นบุคคลมีอิทธิพลกว้างขวางในพื้นที่ อ.เมืองอุบลฯ ความเดิม “นาย ป. และนาย ส. แทบจะไม่รู้จักกัน” แต่เพราะถูกจับกุมดำเนินคดีแล้วย้ายไปอยู่เรือนจำแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา กลายเป็นนักโทษต่างถิ่นจึงต้องจับมือสร้างความสัมพันธ์รวมกลุ่มนักโทษจากเรือนจำอุบลฯ เพื่อความอยู่รอดจาก “นักโทษเจ้าถิ่นเขม่น” จะได้มีพรรคพวกช่วยเหลือกันในยามเดือดร้อนอยู่นานไปปรับตัวเข้ากับนักโทษเจ้าถิ่น “นาย ป. และนาย ส.ก็รับงานมาทำในเรือนจำ” จนขัดผลประโยชน์เป็นชนวนรอยร้าว “นาย ป.” พยายามยกมือไหว้ขอโทษหลายครั้งแต่ “นาย ส.” ก็ไม่เคยรับไหว กระทั่ง “นาย ป.” เอ่ยปากออกมาว่า “ไอ้ ส.มึงคิดว่าเป็นมือหนึ่งในเมืองอุบลฯเหรอ”...กลายเป็นจุดแตกหักนับแต่นั้นระหว่างนั้นทั้งคู่ก็ต่างอยู่ “รับงานมาทำ” และยังขัดแย้งกระทบกระทั่งสะสมความบาดหมางเรื่อยๆต่อมา “นาย ป. และนาย ส.พ้นโทษออกมาจากเรือนจำ” พยายามสร้างเครดิตให้ตัวเองเป็นขาใหญ่ที่ยอมรับ โดยเฉพาะ “นาย ป.” แม้อายุยังน้อย แต่ด้วยเคยผ่าน “การติดคุกมาก่อน” เด็กรุ่นน้องในกลุ่มแก๊งอุบลบอยหลายคนให้ความเคารพ เพราะถ้ามีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มอื่นมักเป็น “ตัวเคลียร์” ออกหน้าก่อนเสมอ ทำให้เริ่มมีชื่อเสียงนำมาซึ่ง “เด็กในกลุ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ” ก่อนลือกันว่า “นาย ป.” พาลูกน้องรับจ้างทวงหนี้ ปล่อยเงินกู้นอกระบบ เช่าบ้านเปิดสำนักงานเล็กๆในซอยมอเตอร์ไบค์ ต.ขามใหญ่ “แต่ละวันมีเด็กอุบลบอย งานหมุนเวียนเข้าออกทั้งวัน” มีสติกเกอร์ข้อความว่า “อุบลบอย” เป็นสัญลักษณ์ติดหน้ารถจักรยานยนต์ปัญหามีว่า “นาย ส.” หลังพ้นโทษก็ก้าวขึ้นมาเป็น “ขาใหญ่แก๊งหาดวัดใต้” ทั้งยังทำธุรกิจสีเทาปล่อยเงินกู้นอกระบบด้วย...ก็กลายเป็นว่า “แก๊งอุบลบอย” ปล่อยเงินกู้ทับเส้นแย่งลูกค้าจนขัดผลประโยชน์กันอีกแล้วทั้ง 2 แก๊งมีชื่อเสียงเริ่มมีลูกน้องเยอะ ก็มีงานการ์ดตามงานคอนเสิร์ต คุมผับ ร้านอาหาร งานเลี้ยงสังสรรค์ และงานอีเวนต์ต่างๆใน จ.อุบลฯ ทำให้หลายครั้งเกิดการกระทบกระทั่งกันจากเด็กในสังกัดมาตลอดยิ่งกว่านั้น “สถานบันเทิงอุบลฯ” ตั้งอยู่ลานร้านบันเทิง ต.ในเมือง เขตพื้นที่แก๊งอุบลบอย ที่ดูแลเป็นการ์ดร้านพญายอ ในส่วน “หาดวัดใต้” รับเป็นการ์ดร้านเอกมัย 487 ต่างฝ่ายต่างส่งลูกน้องก่อกวนกันตลอด และมีข้อสังเกตว่า “อุบลบอยและหาดวัดใต้” สร้างอิทธิพลมีชื่อเสียงทำธุรกิจสีเทาได้ก็ลือว่าคนมีสีคอยหนุนอยู่หรือไม่? กระทั่งถึงวันแตกหักกล่าวกันว่า “เด็กกลุ่มหาดวัดใต้” เข้ามาทำร้ายลูกค้าร้านพญายอ ส่งผลให้กลุ่มอุบลบอยไม่พอใจอย่างแรง เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลายรอบแล้ว จนนำมาซึ่ง “คนกลางนัดเปิดโต๊ะเจรจา” ทว่า...ต่างฝ่ายต่างจัดเตรียมอาวุธปืนมาด้วย ทำให้การพูดคุยกันไม่ราบรื่นเหมือนที่ผ่านมาย้อนเหตุการณ์วันนั้น “ใช้ห้องวีไอพีเคลียร์กัน 5-6 คน จำนวนนี้มีนาย ส.ร่วมอยู่ด้วย” พูดคุยกันได้ไม่นานก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้นตามคำกล่าวอ้าง “นาย ป.” เปิดด้วยหมัดแรกก่อนแต่ผิดเหลี่ยมไม่โดนถูกสวนกลับทันที ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้นนัดแรกกลายเป็นสัญญาณให้แต่ละฝ่ายทราบ และเกิดเหตุยิงปะทะกันอย่างดุเดือดตามข่าวนั้นตามข่าวอ้างว่า “นาย ค.เป็นขาใหญ่หาดวัดใต้ไม่จริง” แต่ด้วยเป็นหลานรักของนาย ส.ขาใหญ่ตัวจริง แล้วลือกันว่าเคยถูกจับดำเนินคดีในปี 2549 สมัยอายุ 14 ปี ก่อนพ้นโทษออกมาไม่นาน ทำให้มีอิทธิพลในกลุ่มนี้และมีคำถามว่า “อาวุธปืนใช้ก่อเหตุนั้นมาจากที่ใด” ในพื้นที่นี้ค่อนข้างหาปืนได้ไม่ยากรู้กันในกลุ่มคนเล่นปืน แบ่งเป็น 2 แบบ คือปืนไม่เกิน 5 พันบาท เช่น ปืนไทยประดิษฐ์หักลำ (อีโบะ) หรือปืนชายแดนสภาพไม่ดีนัก แบบที่สอง “ปืนเปลี่ยนมืออยู่ในตลาดมืด” โดยเฉพาะปืนหลุดจำนำตามบ่อนการพนันก็ถูกนำมาขายจำนวนมาก ส่วนใหญ่ “มีทะเบียน” ถ้าเป็นปืนสั้นซื้อตรงจากแหล่งรับจำนำราคา 3 หมื่นต้นๆ แต่มีพ่อค้านำมาขายช่วงต่อราคาบวกกำไร 5 พันบาทต่อกระบอก ส่วนปืนอาวุธสงครามราคาขายมีตั้งแต่ 45,000 บาทขึ้นไปย้ำว่า...ประเด็นปมความขัดแย้งนี้เชื่อกันว่า “น่าจะเป็นเรื่องแย่งชิงขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในอุบลฯ” ด้วยปัจจุบันแก๊งมีชื่อเสียงมากที่สุดคงเหลือ “อุบลบอยและหาดวัดใต้” ส่วนจะเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ธุรกิจสีเทามากน้อยเพียงใดหรือไม่ เรื่องนี้คงต้องรอให้ตำรวจทำงานคลี่คลายคดีชี้แจงต่อสังคมจะได้กระจ่างกันต่อไปคดีนี้นับเป็นการก่อเหตุอุกอาจเย้ยกฎหมายเหมือนว่า “บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป” พกพาปืนกราดยิงถล่มกัน “กลางเมืองดั่งบ้านป่าเมืองเถื่อน” จะด้วยสาเหตุขัดผลประโยชน์ คึกคะนอง หรือชิงความเป็นใหญ่... “เราไม่รู้” แต่ที่รู้คือภาพลักษณ์เมืองอุบลฯเสียหาย “ประชาชน” ต้องอยู่อย่างหวาดผวาไปอีกนาน.