เป็นหนึ่งในแพทย์ผิวหนังที่ยืนอยู่ในแถวหน้า นพ.รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ แพทย์เฉพาะทางผิวหนังที่ได้ทำงานที่ตัวเองรักอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจด้วยการยึดจรรยาบรรณของการเป็นแพทย์เป็นที่ตั้งนพ.รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ หมอหนุ่มไฟแรงก้าวสู่อาชีพนี้ตามสูตรของเด็กเรียนที่เก่งได้โล่ห์ โดยเล่าว่า เป็น คนเรียนดี ได้ที่ 1 และอยู่ห้องคิงส์มาตลอด ทางครอบครัวจึงอยากให้เป็นหมอตามค่านิยม เพราะสามารถดูแลช่วยเหลือพ่อแม่ได้ ตนจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แล้วได้ใช้ทุนด้วยการช่วยอาจารย์ที่โรงเรียนแพทย์ทำงานที่แผนกตาก่อน จากนั้นด้วยความที่สนใจทางด้าน ผิวหนัง จึงสมัครเรียนแพทย์ เฉพาะทางที่โรงพยาบาลรามา ธิบดี และได้ไปเรียนต่อคอส เมติกส์ เมโทรโลจี ที่ไมอามีประเทศสหรัฐอเมริกา“ตอนที่เรียนจบเป็นแพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ ที่ รพ.รามาฯ อยากจะให้เป็นอาจารย์ต่อเกี่ยวกับโรคภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับผิวหนัง แต่ด้วยไม่ใช่ทางเรา แล้วทาง รพ.เอกชน มาชวนไปให้ทำงาน เลยไปทำงานหาประสบการณ์ก่อน ผมวางแผนให้ทำแผนกผิวหนังขึ้น ตรวจคนเดียววันละ 200 คน ช่วงนั้นทางอเมริกาเห็นการทำงานของเรา เขาเข้ามาดู แล้วคิดว่าเราดูแลคนไข้ได้ดีในการฉีดโบทอกซ์และฟิลเลอร์ เลยเชิญให้เราไปบรรยาย สอนงาน เป็นการบรรยายนานาชาติ ที่ประเทศมาเลเซีย เกี่ยวกับการฉีดโบทอกซ์ ฟิลเลอร์ ปรากฏว่าได้รับความสนใจ หมอจากต่างประเทศเขาก็บินตามมาเมืองไทย อยากเรียนด้วยหลายคน จากนั้นก็ได้รับเชิญไปบรรยายที่เมืองไทยและต่างประเทศเรื่อยๆ จนปัจจุบันก็น่าจะกว่า 400 งานบรรยาย ทั้งในและต่างประเทศ ในการที่เราได้มีโอกาส ถ่ายทอดความรู้ได้ ผมมองว่าเราต้องทำตัวให้เก่งกว่าคนอื่น ทั้งหาความรู้เพิ่ม ทั้งการฝึกฝน หาเทคนิค คิดค้นวิธีต่างๆเพื่อที่จะรักษาคนไข้ให้ดีที่สุด” ปัจจุบัน คุณหมอรัสมิ์ภูมิ นอกจากจะให้การรักษาด้านผิวหนัง ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแล้ว ยังเปิดคลินิกในชื่อของตัวเอง “รัสมิ์ภูมิคลินิก” ที่มีอยู่ 3 สาขา ที่พระรามสอง, เลียบทางด่วนรามอินทรา และรัตนาธิเบศร์ด้วย โดยบอกถึงงานที่ตัวเองทำว่า การรักษาตรงนี้เหมือนเรามีรถยนต์คันหนึ่ง ถ้าเราไม่ดูแล วันหนึ่งก็พังไม่สามารถขับได้แล้ว แต่ถ้าเราดูแลเมนเทนไปเรื่อยๆ บางทีผ่านไปสิบๆปีก็ยังดูใหม่อยู่เลย เหมือนหน้าคนเรา คนเรามีปัญหาหลักคือ การที่หน้าเราตกหย่อนไปเรื่อยๆ เป็นเพราะกระดูกข้างในเราทรุดตัวลง การทำงานตรงนี้เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องรู้โครงสร้างสรีระร่างกาย เรา รวมทั้งต้องเข้าใจว่าจะทำอย่างไรให้ปลอดภัย ออกมาดูดี เป็นธรรมชาติ“ด้วยความที่เราเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง พอดีมีความงามมาเกี่ยวข้อง ปกติเวลาหมอที่รักษาคนไข้เกี่ยวกับโรคเจ็บป่วย คือ ลดความเจ็บ ปวดต่างๆ แต่การรักษาผิวหนังอาจจะไม่เจ็บปวด แต่เป็นความงาม การดูแลรักษาในเรื่องความงาม ซึ่งอยู่ระหว่าง หมอ หรือเป็นธุรกิจ เป็นพ่อค้า เราต้องยืนยันความเป็นหมอ ต้องมีจรรยาบรรณ เป็นสำคัญ ฉะนั้น ทุกอย่างที่เราแนะนำคนไข้ ต้องอิงจรรยาบรรณ ไม่ใช่อิงเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก”...ความสำเร็จในการทำงานของหมอไฟแรงคนนี้.