คาซัคสถานมีพื้นที่มากถึง 2.7 ล้าน ตร.กม. ภูมิประเทศตอนกลางเป็นทุ่งหญ้าคีร์กิซสเตปป์ ตอนใต้เป็นเขตทะเลทราย ตะวันตกเฉียงใต้เป็นที่ราบสูงอูสตยุร์ต ทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นทะเลทรายมูยุนกุม มีที่ราบขนาดใหญ่ที่ค่อยๆสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปบรรจบเทือกเขาเทียนชาน และทางตะวันตกเป็นเทือกเขาอัลไต ซึ่งกั้นเขตแดนคาซัคสถานกับจีนเผ่าพันธุ์ทางแถบนี้ผสมปนเปกัน ไม่ว่าจะพวกคาซัค รัสเซีย คีร์กิซ มองโกล ตาตาร์ ทาจิก อุซเบก ฯลฯ ลักษณะทางชีวภาพของเผ่าพันธุ์เหล่านี้บางอย่างแตกต่างกันกับมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นที่เป็นพวกยุโรปตะวันตกและอเมริกันเดือนตุลาคม 2561 พลตรีอีกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการของกองบัญชาการพิทักษ์ป้องกันด้านรังสี เคมี และชีวภาพแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เปิดโปงเครือข่ายห้องแล็บของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯที่เข้ามาแอบตั้งอยู่ในพื้นที่หลายแห่งใกล้ชายแดนรัสเซียและจีน ทำให้เรารู้ว่าสหรัฐฯพยายามเข้ามาเก็บข้อมูลทางชีวภาพของผู้คนที่อยู่ในภูมิภาคนี้ เรื่องนี้อันตรายครับ เพราะสหรัฐฯอาจจะเข้ามาสร้างอาวุธชีวภาพทำลายผู้คนทางแถบนี้ก็ได้สหรัฐฯบอกว่าประเทศของคุณมีภัยคุกคามทางชีวภาพ ดังนั้นสหรัฐฯจึงมอบเมตตาเพื่อช่วยลดภัย ด้วยการช่วยสร้างสถานีวิจัยเพื่อป้องกันการคุกคาม เมื่อโซเวียตแตกกระจัดพลัดพรายใน พ.ศ.2534 สหรัฐฯก็ทยอยพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนด้านการวิจัยทางชีวภาพกับอดีตสาธารณรัฐโซเวียตหลายแห่ง โครงการหนึ่งซึ่งสหรัฐฯจัดตั้งก็คือ โครงการลดภัยคุกคามทางชีวภาพนันน์-ลูการ์ โดยสหรัฐฯบอกว่า โครงการนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้การพัฒนาอาวุธชีวภาพรั่วไหลกระจายออกไป ซึ่งรัสเซียก็ตะโกนเตือนมาตลอดว่าความร่วมมือในลักษณะนี้เป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียทันทีที่มีโรคติดเชื้อเกิดขึ้นในคาซัคสถานเมื่อ พ.ศ.2546 สหรัฐฯก็รีบให้เงินทุนเพื่อใช้ในโครงการศึกษาการก่อตัวของโรคระบาดร้ายแรงจากสัตว์มาสู่คน ทั้งแอนแทร็กซ์ กาฬโรค ไข้กระต่าย ไข้หวัดนก ฯลฯ สหรัฐฯโยนเงินก้อนใหญ่ให้นักวิทยาศาสตร์คาซัคทำวิจัย โดยมีพี่เลี้ยงที่เป็นเจ้าของเงินชาวสหรัฐฯและอังกฤษเป็นผู้ชี้นำนอกจากนั้น สำนักงานการลดภัยคุกคามด้านกลาโหมของสหรัฐฯใช้เงินอีก 102 ล้านดอลลาร์สร้างห้องแล็บชีวภาพในอัลมาตี (อัลมา-อาตา) อดีตเมืองหลวงของคาซัคสถาน โดยใช้ชื่อห้องแล็บว่า CRL เป้าหมายก็คือ เพื่อศึกษาป้องกันภัยคุกคามจาก WMD หรืออาวุธอานุภาพทำลายร้ายแรง ซึ่งแข่งขันกันระหว่างมหาอำนาจขนาดใหญ่ของโลก (สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน)สถาบันจุลชีววิทยาแห่งกองทัพเยอรมันเข้าไปตั้งห้องแล็บในคาซัคสถาน โดยให้อยู่ในความดูแลของเครือข่ายเยอรมัน-คาซัค อ้างว่าตั้งไว้เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงทางชีวภาพ ผู้อ่านท่านอาจจะถามว่า ทำไมสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และประเทศอื่นๆ จึงสนใจเข้าไปเก็บข้อมูลทางชีวภาพของมนุษย์ สัตว์ และพืชในคาซัคสถาน สำหรับความเชื่อส่วนตัว ผมคิดว่าเพราะสหรัฐฯและตะวันตกต้องการเก็บข้อมูลเพื่อออกแบบอาวุธชีวภาพที่ใช้ควบคุมผู้คนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนและรัสเซียมีมือที่มองไม่เห็นเข้าไปสร้างการจลาจลในคาซัคสถานเมื่อสัปดาห์ก่อน โชคยังดีที่ปูตินส่งทหารเข้าไปช่วยปราบได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 5 วัน ตอนนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กลุ่มที่เข้าไปจัดให้มีการจลาจลนั้น เป็นมือที่มองไม่เห็นจากตะวันตก นายบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯหางโผล่ด้วยการออกมาฟาดงวงฟาดงาดังที่ผมเสนอไปในบทความก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก่อน ชายกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอาวุธครบมือ ไม่ระบุสังกัดและประเทศ เข้าไปรายล้อมป้องกันห้องแล็บ CRL ในเมืองอัลมาตี ที่ได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยคนกลุ่มนี้ให้เหตุผลว่า ที่ต้องมาคุ้มครองป้องกันเพราะกลัวจุลชีพก่อโรคที่มีอันตรายรั่วไหลหลักฐานด้านอาวุธเชื้อโรคโผล่ออกมาเรื่อยๆ ผมเชื่อว่า ห้องแล็บของสหรัฐฯและตะวันตกที่อยู่ในประเทศใกล้ชายแดนรัสเซียและจีนจะถูก ‘เนียวีดีมายารูกา’ หรือ ‘มือที่มองไม่เห็น’ ทำลายทิ้งในไม่ช้านี้.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com