กดไม่ลง ตัวเลขคนติดเชื้อเฉลี่ย 9 พันจ่อแตะหลักหมื่น ยอดตายนิวไฮใกล้ทะลุหลักร้อยในสภาพหมอกับทหารใน ศบค.เริ่มขัดขา หมอกับหมอเหยียบตาปลา การเมืองใน ครม.ล่อกันนัวว่าด้วยสูตรวัคซีน “DIY” ผสมยี่ห้อเองของไทย “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข สั่งลุยฉีดสลับยี่ห้อ ตามสูตร “หมอใหญ่” อย่าง นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “ถางทาง” นำร่อง เปิดผลวิจัยรองรับผลดีของการฉีดวัคซีนลูกผสมสื่อต่างชาติประโคมข่าว ประเทศแรกของโลกแต่ในอารมณ์กล้าๆกลัวๆ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม แตะเบรกในที่ประชุม ครม. สั่งให้กลับไปศึกษาคำเตือนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ดีๆก่อนท่ามกลางเสียงลูกคู่ อารมณ์ตามน้ำรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลที่หมั่นไส้กันในที ถามหักหน้ากันแรงๆถ้าวัคซีนสูตรผสมทำคนตายเรื่องใหญ่ ครม.รับผิดชอบไม่ไหวแน่และก็เป็นทีมโทรโข่งรัฐบาลออกมาแถลงแทนผู้นำ ไม่ได้คัดค้านการสลับสูตรวัคซีน ก่อนที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะตีธงให้ลุยวัคซีน “DIY” แบบไทยๆภายใต้สถานการณ์ที่โรงพยาบาลต่างๆหยุดชะงักการฉีดวัคซีน งงกับแผนงานยึกๆยักๆของรัฐบาลนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงอาการของชาวบ้านตาดำๆที่แหยงผลข้างเคียงวัคซีนอยู่แล้ว ยิ่งปอดกระเส่าเดาชะตาชีวิตตัวเองไม่ถูก ประชาชนคนไทยตกอยู่ในภาวะลูกผีลูกคนโควิดสารพัดสายพันธุ์บุกทุกทิศ แต่รัฐบาลโดยศบค.ไปกันคนละทางภาพมันเป็นอย่างที่ทีมด็อกเตอร์รุ่นใหม่ทีม “ไทยแลนด์ฟิวเจอร์” มือบริหารอาชีพของมูลนิธิอนาคตไทยศึกษา มองการบริหารจัดการโควิดของรัฐบาลเหมือน “ปิดตาเล่นหมากรุกมรณะความเร็วสูง”สู้กับไวรัสโคตรอันตรายแบบมวยวัด โดยไร้ฐานเชื่อมโยงข้อมูลบิ๊กดาต้าทำให้คิดช้ากว่าพัฒนาการของไวรัสที่ไปไวแบบวันต่อวัน นาทีต่อนาที อัปเกรดความรุนแรงจากอัลฟา เบตา เดลตา เดลตาพลัส แลมบ์ดา เอปซีลอน ตอนนี้คนเดียวติดเชื้อโควิด 2 สายพันธุ์วิกฤติโลกแห่งความจริงที่โหดยิ่งกว่าฝันร้ายประเทศไทยมาถึงจุดที่ได้เห็นภาพอนาถใจ ประชาชนนอนค้างคืนข้างถนน คนแก่ เด็ก ตากแดดตากฝนต่อแถวรอคิวตรวจเชื้อโควิด ราวกับฉากคุ้นตาในประเทศอินเดียแต่ที่เลวร้ายเมื่อเทียบอัตราส่วนประชากร ไทยแย่กว่า ไต่อันดับวิกฤติมาอยู่อันดับ 8 ของโลกมันคือข้อเท็จจริงที่แสลงใจเหล่าผู้นำทหารเฒ่า 3 ป.และแทนที่จะจัดการ “จุดอ่อน” การสื่อสารกับประชาชนที่สร้างความสับสนไม่หยุด แบบที่หมอใหญ่ทีมกุนซือนายกรัฐมนตรีให้ข้อมูลไปคนละทาง หมอการเมืองก็ถือหางเจ้านายต้นสังกัด หมอธุรกิจก็ลากเกมเข้าเหลี่ยมผลประโยชน์ แพทย์ข้างสนามก็โชว์ภูมิ โพสต์โซเชียลฯหักล้างข้อมูลหมอ ศบค.นายกฯที่รวบอำนาจ “ซิงเกิลคอมมานด์” ก็โอนไปเอนมาตามการเสพข้อมูลทุกทางไม่สั่งเด็ดขาด ไร้จุดโฟกัสหลัก ทำให้ประชาชนไม่รู้จะเชื่อใครอาการคนกลัวติดโรคโควิดตายแต่ไร้ทางออก มันอลหม่านไปหมดและก็ตามฟอร์มถนัดของทหาร เอะอะก็งัดกฎหมายซ่อนดาบฟันเซียนโซเชียลฯ เพิ่มเขี้ยวเล็บใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามแชร์ข้อมูลทำสังคมตื่นตระหนก แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่กระทบความมั่นคงรัฐ โทษติดคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทปิดหู ปิดปาก ปิดตา ยุทธการไอโอทหาร บล็อกกระแสต้านตามอาการของคนหลงเข้าตรอกลึก มองไม่เห็นทางออก จนตรอก ต้องสู้ตาย มาถึงจุดนี้ผู้นำทหารเฒ่า 3 ป. มองคนที่วิพากษ์เป็นศัตรู ไล่ทุบด้วยอำนาจทางกฎหมายแต่ในภาวะคนกลัวตาย จนด้านชาผู้คนส่วนหนึ่ง แสดงตัวไม่เกรงกลัวผู้นำมีอำนาจแต่ขาดศรัทธาวิกฤติไม่ยอมรับผู้นำบริหารโควิดผิด พลาดกระจายวงกว้างทั่วประเทศสังเกตได้จากโคตรเซียนการตลาด อาการกระทืบคันเร่งรุกไล่ “บิ๊กตู่” ที่กำลังขาปัดขาเป๋ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในบท “โทนี วูดซัม” ประกาศผ่านเครือข่ายคลับเฮาส์ของกลุ่ม CAREจะกลับเมืองไทยผ่านประตูหน้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอารมณ์ย้ำคิดย้ำทำ “กลับบ้านอย่างเท่ๆ” ฟื้นมาใหม่ พร้อมกับลีลาโชว์ข่มรุ่นน้องเตรียมทหาร บอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อสายไปขอคำแนะนำวิธีการบริหารวิกฤติโควิดได้ทุกเวลา พร้อมแนะนำหนังสือให้นายกฯอ่าน “Thick Face, Black Heart” แปลเป็นภาษาไทย “หน้าหนา ใจดำ” อำกันในที อ่านแล้วอาจอยู่ครบเทอม“โทนี” จัดเต็ม กระโดดขี่คอผู้นำรุ่นน้องที่ใกล้จนแต้ม แถมตอกลิ่มแหย่เป็นนัย ถ้าอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากนายกฯจริงๆ ให้ไปบอก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพี่ใหญ่คนเดียวที่กล้าพูดกับน้องเล็ก บอกว่าลากไปไม่ไหวลีลาตีกินตามฟอร์ม แต่จะเป็นจริงแค่ไหนต้องเอาหมื่นหารแล้วคิดเป็นเปอร์เซ็นต์อย่างไรก็ดี มันก็มีช็อตที่มีความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติ โอกาสสูงตามเงื่อนไขสถานการณ์กับการอดีตนายกฯทักษิณประเมินสารรูป “บิ๊กตู่” น่าจะลากไปได้อีกไม่กี่เดือน ต้องยุบสภาปลายปี 2564 และการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า 2565ลีลาตีกินบนฐานแน่นๆประสบการณ์ของโคตรเซียนการเมืองที่แน่ๆตามท้องเรื่องมันก็สอดรับกับเดิมพัน 120 วัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเปิดประเทศ ซื้อเวลาในการประคองกระแสกดดัน สถานการณ์โคตรหินในการรับมือกับมหาวิกฤติไวรัสมรณะบุกเมืองเซียนทุกค่าย โหรทุกสำนัก ฟันธง เป็นไปได้ยากมากที่จะ “เอาอยู่”และคำตอบสุดท้าย “บิ๊กตู่” หนีไม่พ้นต้องทำตามสัญญาประชาคมนั่นก็เป็นจังหวะที่วางโปรแกรมรองรับไว้อยู่แล้ว แนวโน้มการเตรียมพร้อมในจังหวะหน่วงเวลา กว่าจะครบ 120 วัน เงื่อนไขถึงตรงนั้น รัฐบาล 3 ป. ได้ผ่านการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2565 อัดฉีดเงินรัฐเติมโครงการหาเสียง โยกย้ายข้าราชการฤดูเกษียณ โดยเฉพาะการวางขุมกำลังมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กุมสภาพความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งเหนือคู่แข่งตามรูปเกมที่แกะรอยตามข่าววงในกระเส็นกระสาย ทีม 3 ป. เดินหมากแตกป้อมค่าย เตรียมพรรคคู่ขนาน เก็บแต้มมาเติมเต็มค่ายหลักอย่างพลังประชารัฐที่ไร้กระแส ต้องอัดกระสุนหนักๆ เปิดหัว จดทะเบียนพรรคใหม่ไว้รอท่าหมดแล้วกว่าจะถึงดีเดย์ปลายปี ขุมข่ายค่าย 3 ป. พร้อมลงสนามเลือกตั้งฟัดกับกระแสต้านที่หนักหน่วงแน่และอีกจุดที่น่าจะต้องจบภายในห้วงหน่วงเวลา นั่นคือกระบวนการรื้อรัฐธรรมนูญ ตามเงื่อนไขที่เข้าเหลี่ยม 2 ขั้วใหญ่ ทั้งเพื่อไทยและพลังประชารัฐนั่นคือเปลี่ยนกลับไปใช้ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบพรรคใหญ่ได้ประโยชน์ทั้งทีมดูไบและทีม 3 ป. แต่ที่เสียหายหนักก็คือพรรคก้าวไกลที่หมดโอกาสจะได้คะแนนตกน้ำ และพรรคเล็กก็จะไม่ได้ประโยชน์จากแต้มปัดเศษเข้าเหลี่ยมเกม “บอนไซ” ทีมเด็กสีส้มเป้าหมายร่วมของทหารเฒ่า 3 ป. ที่ได้กำจัดเด็กแสบ และ “ทักษิณ” ได้สกัดตัวแย่งแต้มยี่ห้อเพื่อไทยพปชร.กับเพื่อไทยแท็กทีม เกมรื้อรัฐธรรมนูญยังไงก็จบทัน“ทักษิณ” ถึงฟันธงยุบสภาปลายปี แบบไม่กลัวหน้าแหกตามหมุดหมายที่ต่างฝ่ายต่างมั่นใจในเกม “นายใหญ่” ทีมดูไบหวังพรรคเพื่อไทยชนะแบบ “แลนด์สไลด์” เข้าวินเกิน 376 หักด่าน 250 ส.ว.ลากตั้ง จัดตั้งรัฐบาลขณะที่ค่ายพลังประชารัฐก็ปักธงให้ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เลขาธิการพรรค ผู้มากบารมี ไล่บี้ไล่ทุบ ให้ตัวเลขเกินร้อยบวกกับพรรคที่แตกป้อมค่าย รวมแต้มเป็นแกนจัดรัฐบาล โดยไม่ต้องพึ่งเกรียนเซราะกราว “ภูมิใจไทย” และไม่ง้อยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ให้อึดอัดใจ2 ขั้วใหญ่ต่างมั่นใจในเดิมพัน การช่วงชิงเกมอำนาจในสภาณ วันนี้ ราคาต่อรอง ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ทีม 3 ป. ยังถือไพ่แต้มต่อภายใต้โจทย์ยากๆของคู่ต่อสู้ ถ้ายี่ห้อ “ทักษิณ” ไม่แลนด์สไลด์ในสนามเลือกตั้ง หมดโอกาสชนะเกมในสภา เช่นเดียวกันม็อบนอกสภาที่รวมแม่น้ำ 100 สาย อารมณ์มวลชนเด็กรุ่นใหม่แทบ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ฝากอนาคตไว้กับทหารเฒ่า แต่ถ้าไม่พีกเหมือนตุลาวิปโยคหรือพฤษภาทมิฬ มวลชนเดือดจนทำให้การเมืองพลิก ก็ยากจะพังทลายนั่งร้านขุมอำนาจ 3 ป.เว้นแต่จะมี “สัญญาณพิเศษ” ปรับฐานอำนาจฝ่ายคุมเกมประเทศไทยกันใหม่ตามพิมพ์เขียว “รัฐบาลเฉพาะกาล” ที่เริ่มแพลมกันออกมาทั้งหมดทั้งปวงตามเงื่อนไขข้างต้น ถ้ายังไม่มีอะไรพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน โดยสภาพมวยโดนถลุงยับ นับแล้วนับอีก “บิ๊กตู่” สะบักสะบอม แต่พี่เลี้ยงไม่โยนผ้ายอมแพ้งานนี้ต้องกัดฟันสู้ จนโดนน็อกคาเวทีและถึง พล.อ.ประยุทธ์ หมดสภาพ เข็นต่อไม่ไหว แต้มต่อก็ยังอยู่ที่ทีม 3 ป.เพราะ 250 ส.ว.แต้มหน้าตักยังอยู่มวยเก่าขายไม่ออก ก็สลับฉากเปลี่ยนตัวเล่นใหม่แต่ที่ชัวร์ๆ 3 ป. ไม่ปล่อยอำนาจง่ายๆแน่เพราะโดยประวัติศาสตร์ผู้นำทหารรุ่นพี่ ที่ลงหลังเสือในภาวะบอบช้ำ กระแสคนโห่ไล่ หนีไม่พ้นโดนไล่บี้เอาผิดย้อนหลัง หมดสภาพตอนหมดอำนาจโดนปักชนักคดี ขึ้นศาลตอนแก่ มันเหนื่อย.“ทีมการเมือง”