การแพร่ระบาด “ไวรัสโควิด-19” ยังคงกระจายไปทั่วเหมือนเป็นไฟลามทุ่ง ที่เป็นความวิตกหวาดกลัวของสังคมไทยรุนแรง โดยเฉพาะแรงงานไทยนับหมื่นคนไปทำงานประเทศเกาหลีใต้แบบผิดกฎหมาย ต่างหนีการระบาดไวรัสทยอยกลับสู่ “มาตุภูมิ” ในจำนวนนี้มีผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออย่างน้อยแล้ว 2 รายจนทำให้คนไทย...เกิดความหวาดหวั่นในมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เริ่มทำได้ยากขึ้น อาจส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อพุ่งเพิ่มสูงมาก...แม้แต่ก่อนนี้ “กรมควบคุมโรค” ก็ได้ประเมินสถานการณ์คาดว่า...ไม่นานนี้ไทยจะเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3...การแพร่ระบาดติดเชื้อขยายเป็นวงกว้างระหว่างคนไทยด้วยกันเพิ่มขึ้นรวดเร็ว...และขอให้บุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานต่างๆตื่นตัวเตรียมพร้อมรับมือการระบาดครั้งนี้และให้ความรู้กับประชาชนในการล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ทำให้ร่างกายแข็งแรง จะได้สร้างภูมิคุ้มกันกำจัดเชื้อ และหายจากอาการป่วยไปเอง... เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ไทย...ได้ทำการวิจัยทดลองทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหายาต้านโควิด-19 พบว่า “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสในหลอดทดลองได้ ทำให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม...นำไปพัฒนาต่อยอดสู่ยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะทราบผล ชัดเจนได้ปลายเดือน มี.ค.นี้ กลายเป็นความหวังหากทีมวิจัยไทยพิสูจน์ได้ว่า “ฟ้าทะลายโจร” สามารถต้านเชื้อไวรัสได้ผลจริง... ในวันนี้ “สกู๊ปหน้า 1” ชวนมารู้จัก “ฟ้าทะลายโจร” สมุนไพรไทยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลายนี้ ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หน.ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า นับแต่การระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 มีผู้ป่วยเข้ารักษา 3,000 รายต่อวัน เพิ่มขึ้นจากวันปกติ 2,000 รายทำให้มีการค้นหาวิจัยของประเทศต่างๆที่เกี่ยวกับวิธีการรักษาไวรัสนี้ พบว่า “สมุนไพรไทย...ฟ้าทะลายโจร” ที่เป็นยามีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ต้านการอักเสบ และต้านไวรัสได้ โดยเฉพาะไวรัสในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ ทำให้นำฟ้าทะลายโจรมาใช้กับไข้หวัดใหญ่จนผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับกระทั่ง “ไวรัสตระกูลโคโรนา” หรือโควิด-19 มีการระบาดใหม่ ในช่วงแรกยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาการมากนัก แต่มีลักษณะคล้าย “ไข้หวัดธรรมดา” คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ มีน้ำมูก ไอ จาม และนักวิทยาศาสตร์มีการศึกษา “ไวรัสโควิด-19” ทำให้มีข้อมูลป่วยชัดเจนเพิ่มขึ้น...จากนั้นก็มีการค้นงานวิจัยเกี่ยวกับ “ไวรัสตระกูลโคโรนา” พบว่า “ประเทศจีน” เคยศึกษาวิธีรักษา “ไวรัสซาร์ส” ซึ่งเป็นสายพันธุ์โคโรนาชนิดหนึ่ง หลังไวรัสยุติแล้ว โดยมีการทดลองในหลอดแก้ว และสัตว์ทดลอง ด้วยการสกัดสารสำคัญจาก “แอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจร” สามารถหยุดยั้งไม่ให้ไวรัสซาร์สเข้าสู่เซลล์ได้ “แม้ว่า...“ไวรัส” จะเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็หลุดสู่เซลล์ได้น้อย จนทำอันตรายต่อร่างกายไม่ได้ เพราะ “ฟ้าทะลายโจร”...มีฤทธิ์ในเชิง Antiviral broad spectrum คือ การออกฤทธิ์ได้หลากหลายกลไกในร่างกาย”เชื่อว่า...มีคุณสมบัติสำคัญสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านการอักเสบ ช่วยลดไข้ โดยเฉพาะต้านเชื้อโคโรนาไวรัสที่ก่อโรคซาร์สได้ และไวรัสกลุ่มอื่นใกล้เคียงกัน ในโรคระบบทางเดินหายใจที่น่าจะมีศักยภาพช่วยป้องกันไม่ให้เข้าเซลล์ และป้องกันการกระจายตัวในร่างกายได้ดี“สถานการณ์ปีนี้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ในอนาคตอาจเป็นไวรัสประจำถิ่นที่เกิดทุกปีก็ได้ หากมุ่งหายาเฉพาะ หรือยาวัคซีน ตอนนี้อาจเป็นเรื่องยาก ในการทดลอง “ฟ้าทะลายโจร” จะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายจับกินไวรัสได้ดีขึ้น กลายเป็นหยุดขยายการเติบโต...สุดท้ายไวรัส ก็ตายลง” ดร.ภญ.ผกากรอง ว่าเรื่องนี้...เป็นกลไกมีประโยชน์ให้กับร่างกายมากกว่าจะปล่อยให้ร่างกายต่อต้านไวรัสโควิด-19 ได้เอง และสิ่งสำคัญ...แม้มีการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ก็ต้องเน้นย้ำประชาชน ควรลดโอกาสรับเชื้อด้วยการป้องกัน เช่น ใส่หน้ากากอนามัย หรือการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ส่วนการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ถือเป็นยาเสริมอีกชั้นหนึ่ง... ย้ำว่า...งานวิจัยเกี่ยวกับ “ฟ้าทะลายโจร” ไม่เคยทดลองกับ “เชื้อไวรัสโควิด-19” แต่มีการทดลองกับ “เชื้อไวรัสซาร์สในหลอดแก้ว” หลังยุติระบาดไปแล้ว รวมถึงมีการทดลองกับ “ไข้หวัดใหญ่” ที่ระบาดกันอยู่ทุกปี พบว่า “ฟ้าทะลายโจร” เข้ากระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวคอยต่อสู้เชื้อโรคต่างๆให้สามารถจับกินไวรัสได้ดีมากขึ้นหมายความว่า...เมื่อไวรัส...เข้าสู่ยังเซลล์ในร่างกาย...จะถูกเม็ดเลือดขาวที่ได้รับกระตุ้นจากฟ้าทะลายโจรในการทำหน้าที่กัดจับกินไวรัสให้น้อยอ่อนแอลง สุดท้ายก็ตายถูกขับออกจากร่างกายไป...ประเด็น...หน่วยงาน 3 องค์กร วิจัยทดลองกับ “เชื้อไวรัสโควิด-19” ตามที่คุยกับ “ผู้ทำการทดลอง”...จะนำสารสกัดฟ้าทะลายโจรมาทดลองใน “เซรั่มจากเชื้อไวรัสจากผู้ป่วย” เพื่อให้ทราบว่า...สารสกัดนี้ออกฤทธิ์กับเชื้อไวรัสอย่างไรในเบื้องต้น หากได้ผลจริง...ต้องทดลองกับคน เพราะมีความหลากหลายของระบบร่างกาย... ในการทดลองครั้งนี้มีขั้นตอนคล้ายกับ “จีน” เคยนำ “สารสกัดจากฟ้าทะลายโจร” ในการทดลองกับ “เชื้อไวรัสซาร์ส” ในหลอดแก้ว และสัตว์ทดลองมีผลออกฤทธิ์ระงับไม่ให้ไวรัสเข้าไปแพร่ทำลายเซลล์ได้สำเร็จ...สาเหตุนี้จึงนำมาสู่การนำ “ฟ้าทะลายโจร” มาทดลองกับ “เชื้อไวรัสโควิด-19” อีกครั้ง เพราะมีโครงสร้างพันธุกรรมคล้ายกันถึง 85 เปอร์เซ็นต์ คิดว่า...น่าจะมีผลออกฤทธิ์เหมือนกันได้ไม่นานมานี้...ยังได้รับเอกสารอย่างไม่เป็นทางการจาก “จีน” ที่นำตัวอย่างสมุนไพร 39 ชนิด มาทดลองกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในการออกฤทธิ์ต้านไวรัสเพิ่มเติม ในจำนวนสมุนไพรนี้ “เปลือกส้ม และฟ้าทะลายโจร” ที่สามารถต้านฤทธิ์เชื้อได้ดี แต่นักวิจัยจีน...ก็แนะนำให้นักวิจัยไทยต่อยอดการศึกษา “ฟ้าทะลายโจร”เพราะคำนึงถึงความรู้เดิมที่เคยมีมาแต่โบราณ อีกทั้ง “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรไทยหาได้ง่าย มีมากพอต่อการผลิตยาสกัดเชื้อไวรัส เพราะ “การผลิตยา” ต้องคำนึงถึง “ราคาถูก” ที่ต้องให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ง่ายด้วย...นอกจากนี้ นักวิจัยไทยยังศึกษา “พลูคาว” และ “รากชะเอม” ที่ทดลองในหลอดแก้ว ก็สามารถออกฤทธิ์สกัดไวรัสโคโรนาได้ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่แนะนำ...เพราะมีผลงานด้านวิจัยน้อยกว่า “ฟ้าทะลายโจร”กลายเป็นกระแสสังคม...“แห่ซื้อฟ้าทะลายโจร” กันมากมาย เพื่อกินป้องกัน “เชื้อไวรัสโควิด-19” แต่ในฐานะเภสัชกรมองว่า...“การกินยา” ย่อมมีความเสี่ยง และประโยชน์เท่ากัน หากคนมี “ความเสี่ยงน้อย” ในการกินยา ย่อมเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อร่างกายได้ ขอแนะนำว่า “คนสุขภาพดี” ไม่จำเป็นต้องกินฟ้าทะลายโจรเพราะมีรายงานผลกระทบ “การกินฟ้าทะลายโจร” ในผู้ป่วยบางรายที่ใช้ต่อเนื่อง พบว่า ทำให้ค่าทำงานของตับสูงขึ้น ในหลักการแพทย์แผนไทย...“ฟ้าทะลายโจร”...มีลักษณะออกฤทธิ์เป็น “ยาเย็น” เพื่อช่วยขับเรื่องความร้อนออกจากร่างกาย ในแต่ละคนก็มีความสมดุลของร่างกายต่างกัน ทั้งความเย็น และความร้อนเมื่อไม่รู้สภาวะร่างกาย...หากเป็นคน “ร่างกายเย็น หรือคนขี้หนาว” ก็กิน “ฟ้าทะลายโจร” มีโอกาสเพิ่มความเย็นอีก หรืออาจมีอาการแขน ขา อ่อนแรงขึ้นได้ ส่วนกลุ่มเสี่ยง...ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว สามารถใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ช่วยป้องกันในขนาดใช้ยาน้อยกว่าการรักษาได้ แต่ว่าคนเป็น “ไข้หวัด” ก็สามารถกินได้ทุกกรณีประการต่อมา...“การสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย” ไม่จำเป็นต้องกินฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว แต่การกินพืชผัก ผลไม้ ก็ช่วยออกฤทธิ์เกี่ยวกับ “แอนติออกซิแดนต์” หรือสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะ “ขิง” สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ดี เพราะเคยมีงานวิจัย...ที่เด็กติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง...และดื่มน้ำขิงทุกวัน สามารถรักษาจนหายเป็นปกติดังนั้น การดื่มน้ำขิงทุกวันจะเสริมภูมิคุ้มกันที่มีความปลอดภัยดีต่อสุขภาพที่สุด สิ่งที่เน้นคือ...ลดการรับเชื้อไวรัส ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันด้วยการกินอาหารหลากหลาย ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพออยู่ตลอดงานวิจัยวันนี้ชัดเจนที่สุด...คือ “ไวรัสโควิด-19” กลัวร่างกายที่แข็งแรง “คนไทย”...ก็อย่าตระหนก...แต่ต้องตระหนัก...ให้ความสำคัญ “ลดรับเชื้อไวรัส” และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เท่านี้ก็ลดการระบาดของโรคร้ายนี้ได้แล้ว...