ในบรรดาพรรคการเมืองไทยที่มีอยู่เกือบร้อยพรรค พรรคภูมิใจไทยเป็นหนึ่งที่ติด “กลุ่มดาวรุ่ง” จากความสามารถในการ “ดูด” ส.ส.พรรคอื่น มีฝีมือเป็นเยี่ยมในการ “ตกปลาในบ่อเพื่อน” ทำให้จำนวน ส.ส.ที่ได้มาจากการเลือกตั้ง 51 ที่นั่ง เป็นอันดับที่ 5 พุ่งขึ้นเป็นระดับท้าชิงนายกรัฐมนตรีพรรค ภท.ประกาศว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งคราวหน้า มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ภท. เป็นนายกรัฐมนตรี จากฝีมือการปั้นของนายเนวิน ชิดชอบ นักยุทธศาสตร์การเมืองชั้นยอด แต่เมื่อใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา ภท.ดูคล้ายกับว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกพรรค ภท.ไม่สามารถผลักดันนโยบายกัญชาเสรี ตามคำขวัญ “พูดแล้วทำ” ซ้ำยังโดนข้อกล่าวหาทางการเมืองที่ฉกรรจ์ ทั้งกรณีรถไฟฟ้าสีส้ม กรณียึดครองที่ดินเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย กว่า 5 พันไร่ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท.และรัฐมนตรีว่าการคมนาคม ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะวินิจฉัยข้อหาซุกหุ้นส.ส.พรรคก้าวไกลอภิปรายในสภา กล่าวหานายศักดิ์สยาม ไม่ได้ขายหุ้นบริษัทบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นจริง ก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ซุกหุ้นไว้ในชื่อนอมินี และบริษัทได้รับสัมปทานการก่อสร้างถนนจากกระทรวงคมนาคมนับพันๆล้านพรรคก้าวไกลถือคติ “กัดไม่ปล่อย” หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่าจะร่วมกับ พรรคฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัยอีกครั้ง นายศักดิ์สยามทำผิดรัฐธรรมนูญ ม.144 หรือไม่ เพราะเข้าแทรกแซงกระทรวง คมนาคม ทั้งทางตรงทางอ้อมจะต้องยื่นให้ศาลตัดสินก่อนการยุบสภา เพราะถ้าศาลเห็นว่าทำผิด ม.144 นายศักดิ์สยามจะพ้นจากรัฐมนตรี ถูกตัดสิทธิไม่ให้สมัคร ส.ส. หรือถ้าศาล เห็นว่านายศักดิ์สยามยังถือหุ้นบริษัทอยู่ ก็จะเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ ม.187 และพ้นจากรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ม.170 และไม่ทราบว่าจะโดนคดีอาญาด้วยหรือไม่การรุมถล่มพรรค ภท.ครั้งนี้ นอกจากเป็นการร่วมมือสหบาทาในกลุ่มพรรคฝ่ายค้านแล้ว ยังได้รับอภินันทนาการจาก “จอมแฉ” แห่งประเทศไทย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่กำลังโด่งดัง และทำท่าจะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ภท.กับพรรครวมไทยสร้างชาติของนายกรัฐมนตรี.