9 มีนาคม 2563 ผมไปศูนย์กลางการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับของรัฐกะฉิ่นที่เมืองมิตจีนา เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนจีนไม่เข้ามาซื้อหยกที่ศูนย์กลางนี้ ทั้งศูนย์เงียบเหงาราวกับป่าช้า ร้านรวงส่วนใหญ่ปิด ที่เหลือก็อยู่กันแบบเหงาหงอยเศร้าสร้อย หยกที่เคยขายในราคาสูง ก็ขายกันในราคาถูกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ย้อนหลังกลับไปเมื่อกลางเดือนมกราคม 2563 เวลาผ่านไปยังไม่ถึง 2 เดือน สถานที่แห่งนี้คึกคัก ชาวจีนมากมายแทบจะเดินชนกันตายวันละหลายศพ 17 มกราคม ปีนี้นี่เองครับที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางมาเยือนเมียนมาเป็นครั้งแรกในฐานะผู้นำ ในสมองของนายสีมีโครงการต่างๆที่เป็นส่วนสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา หรือ CMEC ทั้งทางรถไฟความเร็วสูงและท่าเรือน้ำลึกที่เชื่อมจีนไปสู่มหาสมุทรอินเดียตามแนวคิดเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21 ที่เราเรียกกันว่า One Belt One Road ซึ่งถ้าโครงการนี้สำเร็จ เครือข่ายและอิทธิพลของจีนจะขยายไปทั่วโลก

โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็วแบ่งคนเมียนมาออกเป็น 2 พวก พวกหนึ่งเห็นงามตามจีน ว่าโครงการท่าเรือน้ำลึกชายฝั่งรัฐยะไข่ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเปลี่ยนไร่นาและป่าสักให้กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าและอาหารแปรรูป จีนบอกกับผู้คนในรัฐยะไข่ว่า ชาวยะไข่จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับการพิจารณาให้เข้าทำงานจากตำแหน่งงานทั้งหมด 4 แสนตำแหน่ง

อีกพวกหนึ่งมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ดี พวกนี้กลัวว่าถ้าปล่อยให้จีนเข้ามาทำอะไรมากมายในเมียนมา คนจีนจะมาเป็นเจ้าใหญ่นายโตในทางธุรกิจต่างๆ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจีนกับคนเมียนมาจะสูงปรี๊ด และอาจจะเกิดเหตุการณ์คล้ายกับเหตุการณ์การจลาจลต่อต้านคนจีนในเมียนมาที่เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ พ.ศ.2510

...

53 ปีที่แล้ว ชาวพม่าเข้าทำร้ายฆ่าฟันคนจีนในกรุงย่างกุ้ง เข้าปล้นสะดมเผาผลาญทำลายร้านค้าบ้านเรือนของชาวจีน เพราะความที่มีพรมแดนประชิดติดกัน ทำให้คนจีนสามารถข้ามเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมียนมาได้ง่าย หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนจีนในเมียนมามากถึง 3 แสนคน หลังจากที่จีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ มีคนจีนหนีเข้ามาในแผ่นดินเมียนมามากถึง 6 แสนคน เข้ามาแล้วก็ทำมาหากินอย่างขยันแข็งขันจนมีฐานะทางเศรษฐกิจดีได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีฐานะดีแล้ว คนจีนก็มักจะใช้เงินวิ่งเต้นเส้นสายเพื่อใช้อิทธิพลของการเมืองขยับธุรกิจของตัวขึ้นไป จนถึงขั้นไม่เหลืองานอะไรให้คนพม่าทำเลย

เรื่องท่าเรือน้ำลึก ถ้ามองอย่างไอ้ปื๊ดที่ไม่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ ก็จะคิดว่าเป็นเรื่องดีซะทั้งหมด แต่ถ้าทราบว่าในอดีตคนพม่าเคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจีนอย่างไร ก็จะรู้ว่า สถานการณ์นั้นกำลังจะเวียนกลับมาปรากฏ เงินลงทุน 7.2 พันล้านดอลลาร์นี่มันเป็นกับดักหนี้ชัดๆ เมียนมาต้องลงทุนร้อยละ 30 ของมูลค่าโครงการ ถ้าไม่มีเงิน ก็ต้องไปกู้เงินจีน หลายคนจึงไม่แฮปปี้มีความสุขและพยายามเจรจาให้ลดขนาดโครงการเหลือเพียง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เรื่องรถไฟความเร็วสูงก็เหมือนกัน เส้นทางส่วนแรกของโครงการรถไฟมีมูลค่าสูงถึง 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทางรถไฟสายนี้จะเชื่อมมณฑลยูนนานของจีนที่ไม่มีทางออกทะเลไปชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของเมียนมา

นายสีมาเยือนก็เพื่อกดดันเมียนมาให้เร่งดำเนินโครงการต่างๆให้เป็นไปตามแผน นายสีรู้ว่าจีนต้องการอะไรจากเมียนมา แต่ผมคิดว่ารัฐบาลและประชาชนคนเมียนมายังงงงันหงุดหงิด ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้อะไรอย่างแท้จริงจากโครงการพัฒนามูลค่ามหาศาลเหล่านี้

โควิด-19 ทำให้ 1.เมียนมามีเวลาทบทวน เพราะจีนต้องแก้ไขปัญหาไวรัสระบาดจนไม่มีเวลามาเร่งรัดเมียนมา และ 2. หยกมีราคาถูกมาก.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com