ทุกๆ 6 วินาที จะมีคน 1 คนบนโลกใบนี้ เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน...ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น จำนวนตัวเลขของผู้ป่วยเบาหวานในโลก ยังเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี จาก 100 กว่าล้านคน เพิ่มเป็นเกือบ 500 ล้านคนผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารแลนเซ็ตซึ่งเป็นวารสารวิชาการแพทย์ระดับโลก ระบุถึงการวิเคราะห์ข้อมูลในผู้ใหญ่จำนวน 4.4 ล้านคน เพื่อประเมินจำนวนผู้ป่วยเบาหวานใน 200 ประเทศพบว่าประเทศรายได้ต่ำและปานกลางมีผู้ป่วยเบาหวานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดผลการศึกษาชี้ว่า การที่โลกมีประชากรสูงวัยมากขึ้นและมีคนเป็นโรคอ้วนมากขึ้น ทำให้โรคเบาหวานเป็นปัญหาสาธารณสุขของโลก ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตาย หลอดเลือดสมอง ตาบอด ไตวาย ต้องตัดแขนขา และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรสำหรับประเทศไทย ล่าสุดพบว่าผู้ป่วย เบาหวานเพิ่มขึ้นทะลุ 5 ล้านคนแล้วในปี 2560...ไม่รวมกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่รู้ตัวอีกมากกว่า 7.7 ล้านคนและพบว่า ตัวการสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นโรคเบาหวานและโรคไม่ติดเชื้อเรื้อรัง หรือ NCD มากขึ้น ก็คือสารให้ความหวานที่เรียกว่า “น้ำตาล” ข้อมูลจาก Global Agricultural Information Network ระบุว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลถึง 28.4 ช้อนชาต่อวัน สูงกว่าปริมาณที่ควรได้รับถึงเกือบ 5 เท่าการได้รับปริมาณน้ำตาลมากเกินความจำเป็นจะทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญหรือนำน้ำตาลที่บริโภคไปใช้ได้หมด กลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย นอกจากนี้ ยังกลายเป็นสาเหตุให้ร่างกายหลั่งสารอินซูลินออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งในระยะยาวจะทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้น้อยลง หรืออินซูลินที่ผลิตออกมาด้อยประสิทธิภาพทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันตรงกันว่า การรับประทานน้ำตาล 1 ช้อนชา จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดลง 50% ในระยะเวลา 6 ชั่วโมงนั่นหมายความว่า ถ้าในช่วง 6 ชั่วโมงที่มีการบริโภคน้ำตาลไปนั้น หากต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของเชื้อโรค แม้จะไม่เป็นโรคอะไรเลย แต่เราก็จะมีภูมิคุ้มกันเพียงครึ่งหนึ่ง ทำให้มีโอกาสป่วยหรือติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าคนอื่นเว็บไซต์ healthyandnataturalworld.com เผยแพร่บทความเรื่อง 10 signs you are eating too much sugar ว่า การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง ดังต่อไปนี้1. เหนื่อยล้าและขาดพลังงาน ทำให้มีอาการเหนื่อยตลอดเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกินหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไปแล้ว 2.อยากน้ำตาล การที่รู้สึกว่าอยากของหวานอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนอาการเสพติดน้ำตาลของคุณ 3. เป็นไข้หวัดบ่อย ดูเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่อย่างที่บอก การกินน้ำตาลจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง โอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสก็มีมากขึ้น จึงไม่แปลกที่คนกินหวานจะเป็นไข้หวัดบ่อยกว่าคนไม่กินหวาน 4.วิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า การกินน้ำตาลมากทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ที่รวมถึงสภาพทางจิตใจด้วย เช่น อาจมีอาการเซื่องซึม เศร้า เครียด และปลีกตัวออกจากสังคม ซึ่งหากรู้สึกว่าตัวเองเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น หรืออยู่ในภาวะซึมเศร้าบ่อยขึ้น ลองกินน้ำตาลให้น้อยลง อาจจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ 5.โรคผิวหนังและปัญหาเกี่ยวกับเท้า การกินน้ำตาลมาก มีผลต่อการอักเสบของร่างกายและทำให้เป็นโรคผิวหนังอักเสบ หากคุณมีโรคผิวหนังอยู่แล้ว เช่น เป็นสิว เป็นแผลเรื้อรังที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือการเกาแรงๆที่ทำให้เป็นแผลอักเสบ รวมถึงการมีผิวแห้งกว่าปกติ ก็อาจเป็นไปได้ว่าน้ำตาลคือตัวการสำคัญ มีตัวอย่างของคนไข้ที่มีการอักเสบของเท้า หรือแม้แต่อาการปวดส้นเท้า และการเกิดรอยคล้ำใต้ดวงตา เมื่อติดตามพฤติกรรมของคนเหล่านี้ มักพบว่าเป็นพวกที่ชอบกินของหวาน ดื่มน้ำหวานๆ หรือแม้แต่กินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป6.น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะร่างกายของมนุษย์สามารถรองรับน้ำตาลได้ในปริมาณที่จำกัด แคลอรีจากน้ำตาลจะถูกแปรสภาพกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกาย หากกินน้ำตาลมากเกินไป จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว มีคอเลสเทอรอลสูงและมักมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ 7.ความดันโลหิตสูง สมัยก่อนเรามักคิดว่าการกินเค็มหรือมีโซเดียมในร่างกายมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง แต่หลังจากปี ค.ศ.2010 เป็นต้นมา การศึกษาวิจัยพบว่า ความดันโลหิตสูงมีส่วนสัมพันธ์กับการกินน้ำตาลมากเกินไป8. ปัญหาเกี่ยวกับฟัน เรื่องนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก ถ้ากินหวานมากโอกาสจะเกิดฟันผุหรือการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากก็มีมากขึ้นด้วย 9.เบาหวาน ตรงตัวเลยว่าการกินน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสหวานมากไป จะทำให้คุณมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานมากกว่าคนที่ไม่กินน้ำตาล และ 10.ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ที่มองว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่การศึกษาวิจัยทางการแพทย์เมื่อไม่นานมานี้ พบว่าอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลซูโครสสูงจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจมากกว่าอาหารที่มีฟรักโทส ไขมัน หรือแป้งสูงเสียอีกสำหรับเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตที่คนไทยติดกันมากๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากที่สุด ได้แก่ น้ำแดงโซดา มีน้ำตาลถึง 15.5 ช้อนชา โอวัลติน 13.3 ช้อนชา ชามะนาว 12.6 ช้อนชา ชาดำเย็น 12.5 ช้อนชา และ นมเย็น 12.3 ช้อนชา ส่วน ชาเย็น กาแฟเย็น ชาเขียวเย็น มีน้ำตาลเฉลี่ย 11 ช้อนชารู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากตายเร็ว “หยุด” กินน้ำตาลเสียตั้งแต่วินาทีนี้...