ตอนที่ 10
รัศมี ไพรัช ได๋ และป้าชุน ก็อพยพไปอยู่ที่เพชรบูรณ์บ้านเกิดของรัศมี บ้านที่ไปอยู่เป็นบ้านไร่ที่ค่อนข้างรกรุงรังเพราะขาดการดูแล
ได๋ชอบบ้านที่เพชรบูรณ์มาก แม้จะรกแต่มีบริเวณกว้าง เป็นธรรมชาติที่ในกรุงเทพฯหาดูไม่ได้
ส่วนป้าชุนทีแรกก็ใจชื้นเห็นบ้านไม่ใหญ่ แต่พอเห็นบริเวณและไพรัชบอกขั้นตอนการดูแลซ่อมแซมตกแต่งแล้วก็แทบลมจับ
“แรกๆคงหนักหน่อย แต่พอสักพักเริ่มชินงานแล้วก็คงสบายตัวขึ้น” ไพรัชพูดให้กำลังใจ
ป้าชุนยิ่งฟังก็ยิ่งซีด รัศมีถามว่าเป็นอะไร ไม่ชอบที่นี่หรือ
“ชอบค่ะ...ชอบ...เพียงแต่ว่ากว่ามันจะสวยแล้วกลายเป็นสวรรค์ ชุนคงต้อง...ตกนรกก่อนมั้ง”
“โธ่...คงไม่ขนาดนั้นหรอกชุน เราก็ค่อยๆทำไปแล้วกัน เดี๋ยวมันก็เข้าที่เข้าทางเองแหละ”
รุ่งขึ้น...ได๋ตื่นแต่เช้าขอแม่วิ่งไปดูบริเวณบ้าน รัศมีถามว่าชอบบ้านนี้แล้วใช่ไหม
“สุดยอดเลยแม่ แม่มาเซลฟี่กัน จะได้ส่งรูปไปอวดพี่นาง”
รัศมีถามว่าเอาโทรศัพท์มาจากไหน ได๋บอกว่าพี่นางซื้อให้ก่อนไปญี่ปุ่นเอาไว้โทร. แชตคุยกันได้ทุกวันแบบไม่ต้องเสียตังค์ พี่นางบอกว่านี่เป็นเครื่องมือย่อโลกให้เราใกล้กันตลอดเวลา รัศมีจึงเลิกบ่น
ooooooo
แจสเปอร์พานางไปในห้องประชุมเล็กของ Naja Cosmetics ซึ่งมีทีมงานชาวญี่ปุ่นสามสี่คนนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำว่านี่คือสำนักงานใหญ่ของเรา
แจสเปอร์บอกว่าอีกไม่นานเราจะมีสาขาที่เกาหลี จีนและสิงคโปร์ บอกว่าอีกไม่นานหน้าของนางก็จะปรากฏทั่วเอเชีย เพราะเรากำลังแพลนแคมเปญใหม่เพื่อเปิดตัวเธออย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ คุยว่า...
“ซึ่งไม่ใช่แค่การโฆษณากับการถ่ายแฟชั่นแค่นั้น เราจะสร้างไลฟ์สไตล์ให้คุณ ทำแฟชั่นบล็อก เว็บเพจแล้วก็รายการทีวี คุณจะเป็นตัวแทนของผู้หญิงรุ่นใหม่ของเอเชียในศตวรรษนี้”
“ฟังดูเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะคะแจสเปอร์ คุณไว้ใจฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“ผมคิดว่าผมดูคุณไม่ผิดหรอก ตอนแรกที่เราเจอกันที่ตลาดผมนึกอยากได้คุณเป็นนางแบบโปรโมตสินค้าของเราในแมกกาซีนเฉยๆ แต่หลังจากนั้น ผมรีเสิร์ชข้อมูลของคุณตลอดเวลา ทำให้ผมรู้ว่านี่คือผู้หญิงในแบบฉบับของ Naja คุณมีทุกอย่างที่ Naja ต้องการ”
“ขอบคุณมากค่ะแจสเปอร์ ที่ให้เกียรติและไว้วางใจฉันขนาดนี้”
“Naja เป็นเหมือนชีวิตและจิตวิญญาณของผม ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ ‘เรา’ ประสบความสำเร็จไปด้วยกัน”
แจสเปอร์มองหน้าและยื่นมือให้นาง นางยิ้มอย่างขอบคุณ ยื่นมือไปสัมผัสมือเขาอย่างไม่ลังเล ทีมงานปรบมือด้วยความยินดี
ooooooo
ผักกาดตกใจมากเมื่อบังเอิญได้ยินพวกแอร์คุยกันว่าพจน์กิ๊กกับนักรบ สงสารปริยาที่ได้เมียน้อยเป็นผู้ชาย ระยะนี้จึงมู้ดดี้ตลอด และพจน์ก็ลาออกจากบริษัทแล้วด้วย
ผักกาดไปบอกนักรบที่แคนทีนลูกเรือ เดากันว่าพจน์อาจถูกไล่ออกหรือให้ออกเพราะปริยาไปรายงานอะไรผู้ใหญ่หรือเปล่า นักรบเดาว่าหรือเพราะคนเม้าท์เยอะเลยทนไม่ไหวเพราะเขาแคร์ปากคนจะตาย นักรบฉุกคิดว่าอาจเป็นเพราะตนที่ทำตัวเวิ่นเว้องอแงทำให้เขาเดือดร้อน เสียงานเสียการ ถามว่าจะทำอย่างไรดี
ผักกาดบอกว่าวันนี้ตนสี่แลนด์คงช่วยอะไรไม่ได้ให้นักรบไปหาเขาเลยดีกว่า นักรบกลัวพจน์จะไม่คุยด้วยเพราะไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว
“เอาน่า ตื๊อๆเขาหน่อย เขารักแกเดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนเองแหละ”
เย็นนี้นักรบจึงไปที่คอนโดพจน์ แต่พจน์ไม่อยู่โทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นักรบจึงรอที่ประตู
ที่แท้พจน์ไปที่คอนโดปริยาพร้อมช่อดอกไฮเดรนเยียที่เธอชอบ ปริยาขอบคุณที่เขาจำได้
“จำได้สิ คุณเคยบอกผมว่าความหมายของไฮเดรนเยียคือความเย็นชา เพราะมันต้องอยู่กับความหนาวเย็นมาตลอด”
“คงคล้ายๆกับฉันมั้ง แต่ฉันเย็นชา...เพราะเหงามาตลอด” พจน์ตำหนิตัวเองว่าตนอาจจะเป็นสามีที่ไม่ดีเลย แต่ตนก็ยังอยากเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเธอ “มันไม่ใช่ความผิดพลาดของคุณหรอกพจน์ โชคชะตามันคงเล่นตลกกับเรามากกว่า”










