สมาชิก

เด็ดปีกนางฟ้า

ตอนที่ 1

เมื่อสิบกว่าปีก่อน รัศมีที่ยังสาวกับนางลูกสาววัยสิบกว่าขวบ อยู่บ้านเช่าเล็กๆ สองแม่ลูกทำข้าวแกงขาย ทั้งบ้านจึงระเกะระกะไปด้วยเครื่องครัวและอาหาร

รัศมีหน้ามัน ตาแดงเพราะควันไฟ เหงื่อเยิ้มอยู่หน้าเตาไฟ ส่วนนางในชุดนักเรียนมอซอก็ตักแกงใส่ถุงมัดวางเรียงไว้อย่างคล่องแคล่วหน้ามันเยิ้มเหมือนแม่

ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้วันแล้ววันเล่า สองแม่ลูกเหนื่อยสายตัวแทบขาด กระทั่งหลับนางก็ยังละเมอว่ามัดถุงข้าวแกงอยู่...

นึกถึงอดีตที่ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว...รัศมีพึมพำ “ไม่นะ ฉันไม่อยากเห็นถุงข้าวแกงอีก...”

วันหนึ่ง...ขณะรัศมีกับนางช่วยกันเข็นรถขนถาดกับหม้อแกงกลับบ้านโดยนางเดินถือสัมภาระอื่นตามแม่มา ขณะนั้นเองไพรัชขับรถเข้ามาในซอย รัศมีทำของหล่นจากรถเข็นขวางทางรถไพรัชเขาจึงหยุดรถรอ

รัศมีหันมายกมือไหว้ขอโทษที่เกะกะทาง ไพรัชสงสารแม่กับลูกจึงลงจากรถไปช่วยเก็บ รัศมีขอบคุณอย่างซึ้งใจ ไพรัชเห็นหน้ารัศมีชัดๆ แม้หน้าเธอจะมอมแมมแต่เขาเห็นความสวยและประทับใจความอ่อนหวานน่าสงสารของเธอ

จากความรู้สึกดีๆของไพรัช เขาได้สานสัมพันธ์ต่อ ด้วยการช่วยเหลือสองแม่ลูก พานางไปซื้อชุดนักเรียนใหม่ นางดีใจมากที่ได้เสื้อใหม่ไหว้อ่อนน้อมขอบคุณ ไพรัชมองนางยิ้มเอ็นดูและสุขใจ...

นั่นคือการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินของสองแม่ลูก เมื่อได้มาใช้ชีวิตร่วมกับไพรัช แต่วันนี้ วันที่เหมือนฟ้าถล่มลงมา เมื่อไพรัชบอกว่าเรากำลังจะล้มละลาย ต้องปิดบริษัทเร็วๆนี้ ต้องเอาบ้านไปจำนอง ทั้งรัศมีและนางร้องไห้คร่ำครวญถามว่าเราไม่มีทางอื่นอีกแล้วหรือ มันอาจไม่เลวร้ายขนาดนั้นก็ได้

ไพรัชย้ำกับสองแม่ลูกว่าต่อจากนี้เราคงต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตกันใหม่

เมื่อนางกลับเข้าห้องนอนก็วิตกที่ตนต้องหางานทำ มโนว่าได้เป็นสาวออฟฟิศแต่น่าเบื่อรถติดงานหนัก

มโนต่อไปว่า “อย่างเรามันต้องเป็นผู้บริหารสิ เหมาะกับเราสุดๆ” แต่พอคิดถึงว่าจะทำอย่างไร ถามตัวเองว่า “ว่าแต่บริษัทที่ไหนเขาจะรับสมัครผู้บริหารล่ะ...” นางหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แต่ที่แน่ๆคือต้องหางานทำ

ooooooo

รุ่งขึ้นนางกำลังจะออกจากบ้าน รัศมีถามว่าจะไปไหน นางบอกว่าไปหาเพื่อน รัศมีเตือนว่าเรากำลังจะล้มละลายแล้วให้ป้าชุนเอาเครื่องคิดเลขมาคิดค่าใช้จ่ายขณะออกไปข้างนอกของนาง

ป้าชุนคิดค่าน้ำมันรถ ค่าอาหาร และค่าเสริมสวยเบ็ดเสร็จเป็นเงิน 14,000 บาทต่อวัน รัศมีบอกว่าเงินในแบงก์เราไม่เหลือเลย ป้าชุนจึงให้อยู่บ้าน รัศมีเห็นด้วย แต่นางเซ็งจนบอกไม่ถูก

นางมั่นใจว่าตนทั้งสวยทั้งเก่งคงหางานได้ไม่ยาก คิดถึงจูนจูนที่ชวนไปเป็นแอร์ หยิบโทรศัพท์โทร.ทันที

นางเปิดโน้ตบุ๊กดูรายละเอียดการประกาศรับสมัครอย่างจริงจัง คร่ำเคร่ง นึกถึงที่จูนจูนแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์แล้วมีกำลังใจ จูนจูนเล่าละเอียดว่า

“ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอกนาง เธอรีบไปสอบโทอิกก่อนเลย ระหว่างนี้ก็ซ้อมเดินซ้อมไหว้สวยๆไว้ก่อน

ตอนทำพรีสกรีนจะได้ผ่านชัวร์ๆ สวยแล้วภาษาดีแบบเธอน่ะ ยังไงก็ต้องได้สัมภาษณ์อยู่แล้ว เรื่องว่ายน้ำ เธอก็โออยู่แล้วไม่น่ามีปัญหา อ้อ...หาเวลาไปทำฟันกับเช็กสุขภาพไว้ก่อนนะ อย่าให้เลือดจางเด็ดขาด สู้ๆนะนาง”

รัศมีเองก็คิดหนักว่าจะช่วยแก้ปัญหาครอบครัวยังไงดี พลันก็คิดถึงสร้อยศรีขึ้นมา ดีใจบอกตัวเองว่านึกออกแล้ว

ได๋เข้าไปในห้องนางชะโงกดูจอคอมฯ ร้องอย่างตื่นเต้นว่าพี่นางจะสมัครเป็นแอร์หรือ แล้วทำเสียงแซวแบบเสียงพากย์ในทีวีว่า “คะนึงนางทำงานทำการเป็นกะเขาด้วยเหรอ” นางแว้ดใส่ว่าอย่ามาดูถูกกันนะ

สองพี่น้องเหมือนขมิ้นกับปูนเจอกันทีไรก็มีปัญหากันทุกที ขณะกำลังโต้เถียงกันนั้น รัศมีเดินเข้ามาถามว่าเอะอะอะไรกัน ได๋บอกว่าพี่นางเขาจะไปเป็นนางฟ้า รัศมีถามว่าจริงเหรอ นางบอกว่าจริง


เด็ดปีกนางฟ้า

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด