ตอนที่ 4
“คุณผู้หญิงกำลังดูแลบริวารให้สงบราบคาบด้วยการใช้อำนาจลุแก่โทสะทั้งที่ควรจะดูแลความสงบเรียบร้อยด้วยเมตตา”
“คนอย่างแกฉันเมตตาไม่ลงหรอก ไสหัวแกไปชะโงกดูเงาหัวตัวเองว่าใครกันแน่ที่เริ่มต้นก่อให้เกิดความไม่สงบในเรือนนี้ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ฉันเหยียบย่างเข้ามาแกกับนังดาวเรืองสมคบกันทำอะไร อย่าลืมสิ”
นางเอิบสบตาแข็งกร้าวราวกับท้าทาย เดือนดารา โกรธมาก รีบไล่อีกฝ่ายก่อนจะอดใจไม่ไหวตบอีกรอบ
“รีบไปไห้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้”
“ไปแน่! แหม...ไม่นึกเลยว่านังพลอยคนนี้จะก่อให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตบานปลายได้ถึงเพียงนี้”
เดือนดาราต้องพยายามระงับใจไม่ให้อาละวาด ข่มเสียงตอกกลับอย่างใจเย็น
“จำไว้ว่าแกกำลังทำผิดศีลข้อใหญ่ยุยงให้คนอื่นผิดศีลกาเม ระวังบั้นปลายของแกจะจบไม่ดีดังฝันหรอก ไปนังพริ้งกลับเรือน ชังน้ำหน้าไม่อยากอยู่เดี๋ยวเหลืออดก็จะตบคนซ้ำอีก”
พูดจบก็กลับเรือนพร้อมพริ้ง ทิ้งให้นางเอิบมองตามด้วยความแค้นใจ ยกมือท่วมหัว
“เจ้าประคู้น...ขอให้แผนการปราบนางโลมของอีเอิบสำเร็จลุล่วงโดยดีด้วยเถิดเจ้าค่ะเทวดาฟ้าดิน”
ooooooo
สำลีแอบเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พยายามเตือนนางเอิบให้เลิกคิดหาเมียน้อยให้แสงแต่อีกฝ่ายไม่ยอม หมอผีชราเลยร่ายมนตร์สั่งสอนเสกงูจากเชือกมาแกล้งฉกจนนางเอิบขวัญผวา!
นางเอิบไม่ถึงตายแค่ประสาทหลอนเพราะกลัวงูฉก แสงไม่ได้ติดใจจะเอาความเพราะคิดว่าคงเป็นอุบัติเหตุ ต่างจากเดือนดาราที่ลอบยิ้มร้ายและไปดักรอขอบคุณสำลีในเวลาต่อมา
“คุณผู้หญิงรู้หรือขอรับ”
“รู้สิ ลุงเคยช่วยฉันอย่างนี้มาแล้วตอนที่ฉันยังเด็กๆ”
“เรามาพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นบุญวาสนาจึงมาพบกันเพื่อเกื้อหนุนกัน”
“น่าจะจริง ลุงเหมือนบังเอิญช่วยฉันได้เสมอ”
“เพราะกระผมลั่นวาจาแล้วจะปกป้องคุณผู้หญิง จะไม่ให้ผู้ใดลบหลู่ทั้งกายและใจ กระผมจึงต้องทำ”
แสงไม่ได้ยี่หระเรื่องนางเอิบนัก มัวใจลอยเมื่อคิดถึงรอยยิ้มของพลอย เดือนดารามองมาด้วยความเจ็บช้ำปนหมั่นไส้ แกล้งร้องทักเสียงดังจนเขาสะดุ้ง
“น้องเรียกคุณพี่สามครั้งยังไม่ได้ยิน ใจล่องลอยไปถึงไหนกันไม่ทราบคะ”
“เอ้อ...คือพี่กำลังคิดหาเหตุผลว่าทำไมเรือนเรามันช่างมีแต่เรื่องตลอดเวลา ทั้งคนตาย ทั้งคนเจ็บ ทั้งงู ทั้งเสียงหวีดร้อง พี่ไม่อยากให้ใครต้องมาตายอีก”
เดือนดาราไม่เชื่อคำตอบของผัวแต่ทำเฉยตามน้ำ “มันมีเรื่องเพราะบางคนชอบก่อเรื่องรึเปล่าคะ ถ้าทุกคนอยู่กันเงียบๆ วุ่นวายแค่หน้าที่ของตัวเอง ไม่วุ่นวายเรื่องที่ไม่ใช่ธุระมันก็ไม่เกิดเรื่อง”
“น้องดาราพูดถูก”
“แล้วเราสองคนล่ะคะ อยู่กันสงบเงียบๆนิ่งๆ มีความสุขดีอยู่ไหมคะ”
“ดีสิน้อง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณพี่คงไม่คิดว่าจะมีเรื่องใดๆมาให้ยุ่งยากกับเราทั้งสองนะคะ”
แสงเสียวสันหลังวาบเพราะมีชนักติดหลังอยากได้พลอยเป็นเมียอีกคน กระนั้นคำเตือนเป็นนัยของเมียรักก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจเพราะตัณหาความใคร่ในตัว เดือนดาราก็ไม่เชื่อน้ำคำผัวแกล้งย้ำเสียงเข้ม
“ใครๆก็อยากหาความสุขทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ควรมีสุขบนกองทุกข์ของผู้อื่น เราจะเป็นเช่นนั้นกันไหมคะ”
“เราจะเป็นเช่นนั้น เราจะไม่มีสุขบนกองทุกข์ของผู้อื่น”
“ขอบคุณมากค่ะ”
แววตาเยือกเย็นของเมียรักทำให้แสงหายใจไม่ทั่วท้อง กระนั้นก็ทำเป็นปะเหลาะปากหวาน
“พี่รักน้องมากและจะไม่รักใครมากไปกว่าน้อง”
เดือนดาราไม่หวั่นไหวกับคำรักของผัวเหมือนเคย ทิ้งท้ายเสียงเย็น “ผู้หญิงทุกคนล้วนต้องการเป็นสุดที่รักหนึ่งเดียวของสามีเท่านั้น และไม่ปรารถนาจะให้สามีไปรักใครแม้จะรักรองลงไปเป็นที่สองหรือที่สาม”
“พี่เข้าใจ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ooooooo
แม้จะเกรงใจเมียรักอย่างเดือนดาราแต่แสงก็อยากได้พลอยเป็นเมียอีกคนจนนั่งไม่ติด กระทั่งทนไม่ไหวเรียกเอิบมาสั่งให้พาพลอยมาทำงานที่บ้าน
นางเอิบดีใจจนเนื้อเต้นเพราะแผนหาเมียอีกคนให้แสงได้ผล แถมได้โอกาสฟ้องแสงเรื่องโดนเดือนดาราตบจนหน้าบวมฉึ่ง แสงไม่ชอบใช้ความรุนแรงจึงไม่พอใจมากเมื่อรู้เรื่องเดือนดาราตบตีนางเอิบ
เดือนดาราไม่สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิดที่ตบนางเอิบ กระนั้นก็จับสังเกตผัวอย่างตั้งใจแล้วก็ต้องช้ำแทบกระอักเมื่อเห็นว่าเขาลอบมองไม่วางตาไปทางเรือนครัวที่พลอยกับผิวมาพัก
แสงอึดอัดกับสายตาจับผิดของเมียรักไม่น้อย เสถามเรื่องตบนางเอิบ
“ค่ะ มันมาดูแคลนน้อง เย้ยหยันน้อง ถากถางจนทนไม่ได้”
“แต่มันรุนแรงมากไป ทำไมไม่บอกให้พี่จัดการเอง”
“ถึงเวลานั้นถ้าใครเป็นน้องคงทนไม่ได้หรอกค่ะ”
“พี่ขอนะ อย่าทำเช่นนี้กับบ่าวของเราอีก”
“คุณพี่ก็ลองไปขอป้าเอิบบ้างดีไหมคะว่าอย่ามาล่วงเกินดูแคลนน้องอีก”
“แกล่วงเกินน้องว่าอย่างไร”
“ว่าอีกไม่นานน้องจะตกสวรรค์เพราะคุณพี่จะมีคนอื่น คุณพี่จะว่าอย่างไรดีคะ...ว่าป้าเอิบเพ้อฝันเอาเองหรือว่าคุณพี่จะสมยอมดังที่มันพูด”
คำพูดไม่ไว้หน้าของเมียรักทำให้แสงพูดไม่ออก เฉไฉขอตัวไปทำงาน ทิ้งให้เดือนดารามองตามด้วยความไม่ชอบใจ สัญชาตญาณผู้หญิงบอกให้รู้ว่าผัวรักของเธอปันใจเสียแล้ว










