ตอนที่ 4
“แต่ผมเรียนพี่แสงแล้วว่าจะไป”
“ก็ฉันบอกอยู่นี่ว่าไม่ให้แกไป”
“คุณแม่ไม่มีเหตุผล พี่แสงออกเรือนกับผู้หญิงที่คุณแม่ไม่ชอบ”
“เพราะมันเป็นนังคณิกา”
“มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไปเลือกผู้หญิงอาชีพนั้นด้วย ตรงกันข้ามผมต้องถูกบังคับให้หมั้นกับผู้หญิงที่คุณแม่หมายตาไว้ให้พี่แสงแทน ผมทำตามที่คุณแม่ต้องการทุกอย่างแล้ว ทำไมกับการที่ผมจะไปพักบ้านพี่แสงคุณแม่ต้องห้ามด้วยเล่าครับ คุณแม่จะไม่ให้ผมได้ทำสิ่งใดตามใจตัวเองบ้างเลยหรือ”
คุณหญิงตรึงตราชะงัก แววตาเว้าวอนขอความเห็นใจของลูกชายคนเล็กทำให้เธอหวั่นไหว เสริมเห็นดังนั้นก็โพล่งด้วยความอัดอั้น
“ได้โปรดเถิดครับคุณแม่ กรุณาให้ผมตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองบ้าง อย่าชี้นิ้วให้ผมทำตามคำสั่งอย่างเดียวเลย”
“จะไปไหนก็ไป ไสหัวไป ฉันจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เป็นเวรเป็นกรรมของฉันเองที่มีลูกไม่เห็นหัวพ่อแม่”
ถ้อยคำประชดประชันของแม่ทำให้เสริมถอนใจปลงๆ ต้องยอมตามใจเหมือนเคย
“ผมไม่ไปก็ได้ครับ”
คุณหญิงตรึงตราตาพราวด้วยความดีใจสุดขีด “เสริม...จริงหรือลูก เสริมจะไม่ไปคลุกคลีกับพวกเสนียดที่โน่นแล้วใช่ไหม ขอบใจลูก...แม่ก็มีแต่เสริมคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ชื่นใจ”
เสริมสะเทือนใจมากที่โดนขัดขวางไม่ให้ทำตามหัวใจเรียกร้อง แผนไปพิชิตใจพลอยล่มไม่เป็นท่า นางพร้อมเห็นเหตุการณ์ตลอดเห็นอกเห็นใจจึงตามไปปลอบ เสริมถอนใจหนักหน่วง ตัดพ้อด้วยความน้อยใจพ่อแม่
“ไม่ใช่คุณแม่ดอกที่มีกรรม คุณเสริมต่างหาก คุณเสริมไม่ควรเกิดมาเลย”
“อย่าพูดอย่างนั้น พ่อคุณของป้า”
“พี่แสงเขาเป็นลูกรัก เป็นความหวังของคุณพ่อ คุณแม่ ครั้นพี่แสงทำให้ผิดหวังก็มาหวังคุณเสริมแทน บังคับคุณเสริมราวกับไม่ใช่คน”
“อย่าพูดเช่นนั้นค่ะ บาปนะคะ...ถึงอย่างไรท่านก็เป็นผู้ให้กำเนิด”
“ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ คุณเสริมถึงต้องยอมทำตามทุกอย่าง”
“ดีแล้วล่ะค่ะ ความกตัญญูจะส่งให้คุณเสริมเจริญก้าวหน้าในชีวิต”
“บางครั้งคุณเสริมก็ไม่อยากเจริญก้าวหน้าทั้งๆที่หัวใจแตกสลายหรอก”
ooooooo
แสงไม่ได้ใส่ใจน้องชายที่ไม่มาพักด้วยตามที่บอก มัวกลุ้มใจเรื่องที่บ้านมีคนตายแล้วถึงสองคน เดือนดาราทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบผัวให้คลายกังวลด้วยเสน่ห์ของตนเหมือนเคย
นางเอิบแค้นเดือนดารามาก สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อคิดถึงแผนของตนส่งนายสนไปรับพลอยกับผิวมาร่วมพิธีปัดรังควานที่บ้าน ชื่นที่รู้เรื่องเพราะนายสนผู้เป็นผัวบอก อดเตือนสตินางเอิบไม่ได้
“ยายเอิบ...ใจคอยายจะเอานางพลอยคนสวยมาเป็นเมียน้อยคุณท่านให้จงได้รึ”
“คุณหญิงสั่งมาและข้าก็อยากเห็นนางฟ้าตกลงมาจากสวรรค์”
“แย่งผัวคนอื่นมันบาปนะยาย”
“แย่งผัวนางโลมมันเท่ากับช่วยปลดเสนียดคุณท่าน แกอย่าพูดมากนางชื่น หรือว่าไอ้สำลีหมอผีมันช่วยชีวิตผัวแก แกเลยจะไปเข้ากับพวกนางโลม”
ชื่นถอนใจหน่ายๆ คร้านจะเถียงด้วย พอดีจังหวะนายสนพาพลอยกับผิวมาถึง นางเอิบเลยส่งผิวขึ้นไปหาแสงกับเดือนดารา ส่วนพลอยตนจะหาเรื่องส่งไปทีหลังเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเดือนดารา
แสงคุ้นหน้าคุ้นตาผิวอย่างบอกไม่ถูก แต่ผิวจำเขาได้และลำบากใจมากเพราะรู้ว่าเขาติดตาต้องใจพลอยไม่น้อย เดือนดารายังไม่รู้เรื่อง ได้แต่นั่งฟังผัวพูดคุยและให้เงินทำขวัญผิวไปเรื่อยๆ กระทั่งนางเอิบส่งพลอยขึ้นมา!
แสงชะงัก จ้องพลอยไม่วางตาเพราะจำได้ว่าเธอคือแม่ค้าขายขนมหน้าศาลากลางที่ตนติดตาต้องใจ เดือนดาราแค้นแทบกระอัก จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือเด็กผู้หญิงที่ประกวดแข่งกับตนเมื่อสิบปีก่อน
อาการของผัวที่มองพลอยตาเชื่อมทำให้เดือนดาราโกรธมาก แต่ต้องพยายามเก็บอาการทำท่าเหมือนจะกลับเรือน แสงไม่ยอมตามเมียรักเหมือนเคยแต่อ้างว่าอยากขอคุยกับผิวและพลอยก่อน ทำให้เดือนดารายิ่งเดือดดาลและผลุนผลันลงจากเรือนใหญ่ของผัวไปเอาเรื่องนางเอิบทันที
“ป้าเอิบส่งให้นางพลอยคนนั้นขึ้นเรือนไปทั้งที่คุณท่าน ฉันกับยายผิวยังคุยกันอยู่ จู่ๆนางพลอยก็ไปทะลุกลางปล้องไปเรียก เสียมารยาทมาก”
นางเอิบไม่สะทกสะท้าน ลอยหน้าลอยตาตอบโต้ “แหม...กะอีแค่นางพลอยมันเสียมารยาทแค่นี้คุณผู้หญิงขุ่นเคืองราวกับไฟไหม้บ้านไปได้ ถึงกับปึงปังลงมาจากเรือนเลยรึเจ้าคะ”
“ป้าเอิบเจตนาร้าย จะเอานังพลอยไปเสนอให้คุณท่านเหมือนนังดาวเรือง”
“แหม...คุณผู้หญิงคิดมากไปเองกระมังเจ้าคะ”
พริ้งที่ตามประกบเดือนดารายุเจ้านายสาวให้สั่งสอนนางเอิบ เดือนดาราไม่เต้นตามแต่ก็อยากกำราบแม่นมเก่าแก่คู่ปรับไม่ให้กำเริบเสิบสานขนาดนี้
“อย่านึกว่าจะทำอะไรฉันได้ อย่าอวดดีอย่ากำแหงให้มันมากเกินไปด้วยการคิดว่าจะเกาะนังพลอย ดันนังพลอยให้มาแข่งวาสนากับฉันแล้วป้าเอิบจะใหญ่โตขึ้นมา”
“แหม...อิฉันไม่ทันได้คิดฝันไปไกลถึงเพียงนั้น คุณผู้หญิงก็คิดซะแล้ว แต่ถ้าหากว่านังพลอยมันมีวาสนาดีขึ้นมาเทียบหน้าเทียมตาใครบางคนมันก็จนใจจะทัดทานฉุดรั้ง เพราะคุณท่านคือผู้ตัดสินใจ”
เดือนดาราทนไม่ไหวตวัดมือตบหน้านางเอิบจนเลือดซิบ นางเอิบยกมือกุมหน้า เอ่ยเสียงเย็น










