ตอนที่ 14
เช้าวันใหม่หั่งหลีนั่งทำสมาธิอยู่บนแท่นที่มีรูปปั้นเทพเจ้าจีนสถิตอยู่ ชีพมาตามสัญญาณจีพีเอส แล้วถามมรกตว่ารู้จักที่นี่ได้อย่างไร เธออ้างว่ารู้จากสารคดีท่องเที่ยว แต่สงสัยว่าทำไมชีพถึงจับสัญญาณได้ ชีพเชื่อใจหญิงสาวเริ่มเผยข้อมูลบางส่วน
“คนที่ดูแลชิ้นส่วนนกอินทรีจะถูกฝังชิปเอาไว้ในตัวทุกคน เพื่อลิงก์กับโปรแกรมที่ถูกออกแบบเอาไว้”
“คนที่คิดเรื่องนี้ได้ฉลาดมาก” มรกตรู้สึกทึ่ง
“เสียดายที่เขาเอาความฉลาดมาใช้ในทางที่ผิด”
ระหว่างที่ชีพพามรกตเดินเข้ามาในป่า ต้องคอยส่งสัญญาณให้หลบหลุมพรางและกับดักที่พวกนายพรานทำไว้ จนมาถึงทางเข้าวิหารเอ็งเจ๊า ซุ้มประตูดูรกร้างบรรยากาศวังเวง ชีพมองสัญญาณในโทรศัพท์มือถือ ก็รู้ว่าคนที่จับตัวผู้พันฯไปอยู่ในนั้นจึงให้มรกตรอข้างนอก
“ไม่ค่ะ จะให้ฉันทิ้งคุณได้ยังไง”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมจะพาคุณเข้าไปเสี่ยงด้วยไม่ได้ รอผมข้างนอกนะ”
“ก็ได้ ฉันจะรอจนกว่าฉันจะรอไม่ไหว รีบไปรีบมาก็แล้วกัน”
ชีพซึ้งใจยื่นหน้าไปหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ มรกตทำตาดุที่เขาฉวยโอกาส แต่พอเขาพูดว่าอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาก็ชะงัก กำชับให้เขาต้องกลับออกมา ชีพจับมือคนรักมาแนบแก้ม เคล้าเคลียไปมาก่อนจะจูบที่มือเธอแล้วเดินออกไป หญิงสาวมองตามด้วยความเป็นห่วง
ขณะที่หั่งหลีนั่งสมาธิยันเช้า อาเชาเข้ามารายงานว่าชีพมาแล้ว หั่งหลียังมีท่าทีอ่อนเพลีย เพราะกว่าจะฟื้นพลังต้องใช้เวลาหลายวัน แต่พอรู้ว่าชีพมาก็รวบรวมพลังทำให้เหมือนเป็นปกติ
ด้านหน้าถ้ำมีรูปปั้นเทวรูปจีนวางอยู่ตามมุมต่างๆ ดูลึกลับ ชีพเดินเข้ามารู้สึกเหมือนมีเงาดำวูบผ่านรอบตัว เขาพยายามมองหาว่าเป็นใคร จู่ๆก็มีกระบองไฟฟาดเปรี้ยงลงมาที่ตัว ชีพถลาล้มลงหันมอง พบว่าตัวเองตกอยู่ในวงล้อมของพวกมนุษย์ผีดิบที่มีกระบองไฟเป็นอาวุธสี่ตัว ลักษณะหัวโล้น ตัวเตี้ยแบบคนแคระกระโดดโลดโผนคล่องแคล่ว ก็รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ
มรกตทนรอไม่ไหวแอบตามเข้ามา เห็นชีพถอยหนีมาคว้าตะเกียงน้ำมันสำหรับไหว้เจ้าปาใส่ตัวผีดิบแล้วพุ่งไปแย่งกระบองไฟมาจุดให้เกิดไฟลุกท่วมตัว ผีดิบร้องโหยหวนดิ้นทุรนทุราย ตัวอื่นตกใจถอยหนี...ชีพไม่ทันเห็นมรกตจึงวิ่งเข้าไปอีกมุม พบผู้พันพิชิตถูกมัดปากและมัดมือแขวนไว้กับต้นไม้ ผู้พันฯพยายามส่งสายตาไม่ให้เขาเข้ามา ชีพไม่เข้าใจเดินรี่เข้าไปแล้วต้องชะงัก เมื่อพบว่าที่พื้นเต็มไปด้วยงูเลื้อยกันไปมา










