ตอนที่ 7
เพชรไม่เพียงตำหนิสองคนแต่ตำหนิตัวเองด้วยว่าอาจเป็นคนทำให้สองคนแตกสามัคคีกัน ถามว่าตนเผลอวางตัวเป็นเจ้านายสั่งให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือเปล่า โต้งฟังอยู่บอกว่าไม่ใช่ ตนว่าพี่เพชรใจดีกับพวกเรามากเกินไปต่างหาก ชี้ว่า
“พี่ใจดีจนทำให้ทั้งพี่ยุทธทั้งไอ้โก้มันลืมนึกไปว่าตัวเองต้องทำอะไร ทำแค่ไหน” โต้งมองยุทธกับโก้ถามว่า “จริงไหมล่ะ พี่ยุทธ ไอ้โก้ ลองนึกดูดีๆว่าเราเคยกลัวพี่เพชรเหมือนที่เรากลัวเฮียตงหรืออาอ่องหรือเปล่า”
โต้งกับโก้นั่งจ๋อง ศักดิ์เปิดประตูเข้ามาพอดี มองยุทธกับโก้ถามว่า
“พวกเอ็งตอบกันไม่ได้ก็เพราะไอ้โต้งมันพูดถูกใช่ไหมล่ะ” ศักดิ์มองเพชรอย่างเกรงใจ “น้าขอโทษนะเพชรที่เข้ามาโดยพลการ แต่บังเอิญได้ยินพอดี แล้วน้าจะขออนุญาตพูดอะไรกับไอ้สามตัวนี้ในฐานะที่น้าเป็นลูกจ้าง ที่เข้าใจวิถีชีวิตของลูกน้องให้พวกมันฟังหน่อยได้ไหม”
เพชรพยักหน้าบอกว่าสำหรับน้าศักดิ์ก็ยังเป็นน้าที่ตนพร้อมจะรับฟังทุกคำสอนอยู่เหมือนเดิม ศักดิ์ชมว่าเพชรเสมอต้นเสมอปลายมาตลอดมันเป็นเรื่องดีแต่ก็สอนว่า
“บางทีหัวโขนที่เราต้องสวมก็จะทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีร้อง วิธีรำในชีวิตเราใหม่ แต่ถ้าเอ็งร้องและรำในหัวโขนใหม่ของเอ็งอย่างมีจรรยาบรรณ มีศีลธรรม มีจริยธรรม มีอะไรธรรมๆที่ดีทั้งหมด อย่างที่คนควรจะเป็น ไม่ว่าเอ็งจะสวมหัวโขนไหนเอ็งก็ยังจะคงวิถีของคนดีอย่างที่เอ็งเป็นมาตลอดได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนได้”
ทุกคนฟังศักดิ์อย่างตั้งใจ
“ส่วนพวกเรา...เออ ข้าหมายถึงเอ็งสามคนกับข้าด้วยแหละ พวกเราทุกคนที่เป็นลูกจ้างเป็นลูกน้องก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้องด้วย เอ็งสวมหัวพลลิงแต่เอ็งจะทำท่าวางก้ามเดินเบ่งเป็นทหารยักษ์มันก็ไม่ใช่ใช่ไหมวะ”
ศักดิ์พูดจนยุทธกับโก้ต่างรู้สึกผิดและขอโทษกัน จนโต้งบอกว่าไม่ต้องแย่งกันขอโทษ เรามีกันอยู่แค่นี้อย่าทะเลาะกันเลย
เพชรนึกได้ถามว่าน้าศักดิ์มาถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่า ศักดิ์จึงเล่าเรื่องอู่เฮียตงให้ฟังว่าคุณตี๋จะไม่ทำอู่ต่อแล้ว ทุกคนตกใจและเสียใจ ศักดิ์ถามว่า
“พวกเอ็งยังตกใจเสียใจเลยใช่ไหม แต่คนที่อาการหนักกว่าพวกเอ็งคือเฮียตง แกเสียใจมาก อาการป่วยก็เลยแย่ลงไปอีก คุณหลินกับเด็กที่บ้านมาบอกข้า คิดว่าข้าจะช่วยได้ แต่ข้าแค่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ข้าคิด อะไรไม่ออกก็เลยมาหาเอ็งนี่แหละวะเพชร”










