ตอนที่ 14
“บอกไปเลยสิคะไม่ต้องอ้อมค้อมคุณหญิงพันฉวีจะมาคุยเรื่องที่คุณหญิงโกงเงินสมาคม จะเอายังไงคะ”
ทรงศิริชังน้ำหน้าคนทรยศ คว้าชามข้าวสาดใส่ ไล่ตะเพิดไปให้พ้นหน้า อย่ามาเหยียบที่นี่อีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าจะโดนน้ำร้อนแทนข้าว ประภาพรรณยังไม่วายต่อปากต่อคำด้วย วิวรรณทนไม่ไหวช่วยไล่ตะเพิดอีกแรงแถมขู่ถ้าไม่ไปอาจโดนน้ำกรดก่อนโดนน้ำร้อน คุณหญิงพันฉวีไม่อยากให้มีเรื่อง ไล่ประภาพรรณไปรอที่รถ ทรงศิริเห็นท่านออกโรงปกป้องคนทรยศก็ไม่พอใจฮึดฮัดจะเอาเรื่อง อรณีต้องขอร้องแม่ให้ใจเย็นๆ
“คุณป้าท่านมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย”
ทรงศิริไล่ให้ไปคุยกันในศาล ปริตตาช่วยขอร้องให้ท่านคุยกันที่นี่ คุณหญิงพันฉวีเห็นด้วย เพราะที่ตนมาที่นี่เพราะเห็นว่าเราเคยทำงานด้วยกัน ไม่อยากให้เรื่องถึงโรงถึงศาล แทนที่ทรงศิริจะเห็นความดีกลับด่าว่าอีกฝ่ายสาดเสียเทเสีย อรณีเห็นท่าไม่ดี บอกให้คุณหญิงกลับไปก่อนไว้ค่อยคุยกันวันอื่น ขณะปริตตารีบดึงทรงศิริที่สติแตกออกไป ท่านไม่วายตะโกนด่าคุณหญิงพันฉวี “อิจฉาฉันใช่ไหม พวกแกอิจฉาฉันกับท่านนายพล”
คุณหญิงพันฉวีรอจนคู่กรณีไปแล้วจึงแนะอรณีให้พาทรงศิริไปพบจิตแพทย์ เธอคงโดนกระทบกระเทือนใจหลายเรื่อง อรณีเสนอจะคืนเงินทั้งหมดให้สมาคมเองเรื่องจะได้จบ คุณหญิงพันฉวีเห็นใจจึงยอมตามที่อีกฝ่ายต้องการ อรณียกมือไหว้ขอบคุณที่ท่านให้โอกาสพวกเรา...
อีกมุมหนึ่งของบ้าน ทรงศิริเริ่มเพี้ยนบ่นคนเดียวว่าพวกมันอิจฉาตนที่กำลังจะได้เงินก้อนโต ตนกับชาลีกำลังจะย้ายไปอยู่เมืองนอก พวกมันเลยอิจฉาหาเรื่องกลั่นแกล้ง ปริตตาได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง วิวรรณยืนอยู่ข้างๆเธอ เชื่อว่าที่ทรงศิริเป็นแบบนี้เป็นเรื่องของเวรกรรมไม่ใช่เรื่องผีสางอะไรทั้งนั้น เวรกรรมมีจริง เห็นผลชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า แต่ไม่ต้องห่วง ตนไม่คิดจะทิ้งท่านไปไหน ปริตตาขอบใจเธอมากที่ไม่ทิ้งกัน
“คุณวิวรรณคะฉันขอพูดตรงๆ ฉันอยากให้คุณวิวรรณไปหางานใหม่ ต่อจากนี้คุณหญิงย่าคงต้องสู้คดีทุจริตที่กำลังถูกขุดคุ้ยอีกหลายคดี ทั้งคดีของคุณตาด้วย คุณวิวรรณอย่าติดร่างแหไปด้วยเลยค่ะ”
“คุณปริตตาคุณเป็นคนดีเหลือเกิน” วิวรรณโผกอดปริตตาร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย
ooooooo
ในเมื่อผีเจ้าฟ้าทิพฉายไปจากภพภูมิมนุษย์
รวิปรียาก็หมดวาระที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปจึงแวะมาลาคุณหลวงกับผกา ท่านอดถามไม่ได้ว่าบอกลาภาธรหรือยัง เธอส่ายหน้าตั้งใจไว้ว่าจะไม่เจอเขาอีก
“ให้โอกาสภาธรเขาได้พูดอะไรสักหน่อยเถอะนะ ลูกชายตาเขาคงมีอะไรอยากสารภาพกับหนู จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีเวลานึกถึงกัน” คุณหลวงมองรวิปรียาที่ได้แต่ยิ้มอายๆ...










