ตอนที่ 14
“รวิปรียาคุณคุยกับใคร”
รวิปรียาหันมาเห็นภาธรรีบขยับตัวบังสินีวาลี เขามองเหล่นั่นเธอบังอะไรอยู่มีใครตรงนั้นหรือ เธอปฏิเสธว่าไม่มี เขาไม่เชื่อรีบเดินไปดู เธอขวางไว้สุดฤทธิ์ บังไปบังมาตัวเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขา สองคนมองสบตากันนิ่งงัน สินีวาลีหมั่นไส้ปัดกระป๋องหล่นใส่หัวเขา ภาธรแปลกใจหล่นมาได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนักเพราะมีรวิปรียาอยู่แนบอก สินีวาลีทนไม่ไหวปัดหนังสือตกใส่เขาอีก
“พอแล้ว” รวิปรียาเผลอเอ็ดสหายรัก ภาธรมองสงสัย
“คุณสั่งใคร...ใครอยู่ที่นี่”
“ไม่มี...วันนี้ฉันไม่ว่าง เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน คุณกลับไปก่อน” รวิปรียาดันหลังภาธรไปที่ประตูร้าน เขาขืนตัวสุดฤทธิ์ถามว่าซ่อนใครไว้ หรือว่ามีคนอื่น เธอยืนยันว่าไม่มีใคร แต่ถึงจะมีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ครั้นเธอเห็นสายตาตัดพ้อของเขารีบอธิบายไม่ได้หมายความอย่างนั้น
“ผมจะคิดว่าคุณโกรธผมเรื่องทิพฉาย”
“ก็ดี” รวิปรียาไม่ชอบใจนักที่เขาเอ่ยชื่อเจ้าฟ้าทิพฉาย หันหน้าหนี เขาเห็นเธอไม่พอใจขยับจะไป เธอหันมาเห็นพอดี ยังไม่ทันอ้าปากร้องเรียกเขาให้กลับมาก่อน สินีวาลีพุ่งมาขวางไว้
“ถ้าเจ้าทำทุกอย่างเพื่อยื้อเวลาอยู่กับภาธร เราก็จะทำทุกอย่างให้เจ้ากลับยามา”
ภาธรเห็นรวิปรียาหันหลังให้โดยไม่รู้ว่าเธอคุยอยู่กับสินีวาลีคิดว่าเธอไม่สนใจผละจากไปน้อยใจสุดๆ
ooooooo
ทรงศิริพาชาลีกลับมารักษาตัวที่บ้านไม่ยอมให้อยู่โรงพยาบาล อรณีเห็นสภาพของพ่อแล้วขอร้องให้แม่พาพ่อกลับไปรักษาตัวต่อที่นั่น ทรงศิริไม่ยอมเสียเงินคืนละหมื่น ในเมื่อผัวของอรณีเองเป็นหมอก็ควรจะรักษาชาลีได้ สารัชโวยวายว่าไม่เหมือนกัน โรงพยาบาลมีเครื่องมือเครื่องไม้มากกว่า
“ก็เช็กหมดแล้ว แค่ความดันขึ้น กลับมานอนพักที่บ้านเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” ทรงศิริบอกหน้าตาเฉย
“คุณหญิงยายคะเผื่อคุณตามีอาการแทรกซ้อน” ปริตตาช่วยพูดอีกแรง ทรงศิริโกรธสั่งให้หยุดพูดได้แล้ว ทำไมตนจะไม่ห่วงท่าน แต่ที่ตนต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้อาการป่วยของท่านรู้ถึงหูสื่ออาจถูกรุมทึ้งเอาได้
“แกปริตตาพัวพันเรื่องคนตาย ฉันเรื่องเงินสมาคมแล้วท่านก็ยังมาล้ม พวกสื่อพวกโซเชียลมันจะรุมขุดคุ้ยครอบครัวเองเขียนวิจารณ์เขียนคอมเมนต์กันสนุกปากขนาดไหน พวกแกคิดบ้างไหม...ที่ฉันดูเป็นนางมารร้ายขนาดนี้เพราะฉันกำลังปกป้องครอบครัวเรา”
ปริตตา สารัชและอรณีมองสบตากันรู้ดีว่าพูดอะไรไปทรงศิริก็ไม่ฟังจึงพยักพเยิดให้ออกไปคุยกันข้างนอก ครั้นอยู่ตามลำพังพ่อแม่ลูก อรณีบอกกับสารัชว่าไม่อยากทิ้งแม่ไปตอนนี้ ขอให้เลื่อนการย้ายจากที่นี่ไปก่อน สารัชท้วงแต่ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ปริตตาเห็นด้วยกับแม่ รอให้คุณตาอาการดีขึ้นก่อน ย้ายไปตอนนี้ก็เหมือนเราเห็นแก่ตัว อรณียิ้มให้ลูกที่เข้าใจความห่วงใยของตนเอง
“ก็แล้วแต่คุณกับลูก ยังไงผมก็ทำเพื่อความสุขของเราสามคน” สารัชดึงอรณีกับปริตตามากอด สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความรักและเข้าใจ
ooooooo










