สมาชิก

แม่อายสะอื้น

ตอนที่ 13

“คนต่ำๆมันก็ใช้วิธีต่ำๆแบบนี้แหละ ต่ำเหมือนงานที่มันทำไงล่ะ” จิดาภาตะคอกใส่ “ขายตัวแลกเงิน ผ่านผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะถึงได้ต่ำพอจะคบกับคนต่ำๆได้ขนาดนี้”


ดาวนิลหมดความอดทนตบจิดาภาหน้าหัน ผู้ดีแบบไหนกันถึงใช้คำพูดดูถูกคนอื่นแบบนี้ วิไลเถียงแทน


“คุณเขาพูดเรื่องจริง ก็แกเคยทำงานในอาบอบนวดจริงๆ แกจะไปตบเขาทำไม”


แม่นมน้อยได้ยินเต็มสองหู หน้ามืดเป็นลม กล้วยกับอ้อยต้องเข้ามาช่วยกันประคองไปนั่งบนโซฟา จิดาภาสมน้ำหน้าแม่นมน้อยที่กีดกันคนอื่นแทบตาย สุดท้ายก็ได้ผู้หญิงอย่างว่ามาเป็นเจ้านายใหม่


“ฉันไม่จบกับพวกแกแค่นี้แน่ มันต้องไม่ใช่แค่พลหรอกที่รู้เรื่องนี้ ฉันจะฉีกหน้ากากพวกแกให้คนทั้งประเทศได้รู้กันเลย คอยดู” ขู่เสร็จจิดาภาขยับจะไป หลิวหลิวขวางไว้ ขอร้องให้ค่อยๆคุยกันได้ไหม เธอไม่คุยด้วยก้าวฉับๆออกไปโดยมีวิไลวิ่งตาม ดาวนิลได้แต่ยืนตะลึง


“คุณนมน้อยไม่ค่อยสบายเราอย่ากวนเลยนะกลับกันก่อนดีกว่า น้องดาวนิลคะกลับกันเถอะค่ะคนเป็นลมต้องการอากาศหายใจค่ะ” ว่าแล้วหลิวหลิวดันตัวดาวนิลที่เหมือนไร้สติออกไปที่รถ เมื่อมาถึงรถนางเอกสาวเริ่มมีสติ จะขอไปคุยกับน้องก่อน เขารั้งตัวไว้ ขืนไปหาตอนนี้คนในบ้านจะพากันสงสัยเอาได้


“แต่ดาวนิลจะปล่อยให้ช่อเอื้องรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อกี้วิไลเจอช่อเอื้องที่นี่แล้วด้วย”


หลิวหลิวแนะยิ่งเป็นแบบนี้เรายิ่งต้องรีบไปตกลงกับจิดาภา ถ้ามันแฉทุกเรื่องกับทุกคนเราจะซวยกันหมด แต่ถ้ามันยอมกลับคำ ปัญหาก็จบ เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ ขืนชักช้าไม่กลัวเธอไปฟ้องทรงพลหรือ แล้วคว้ากุญแจรถไปจากมือดาวนิลจะขับให้เอง เธอห่วงทั้งน้องห่วงทั้งเรื่องทรงพล สุดท้ายตัดสินใจขึ้นรถไปกับหลิวหลิว


ooooooo


ด้วยความเป็นห่วงน้องสาว ดาวนิลเหลือบมองที่กระจกส่องข้างของรถตลอด เห็นพ่อค่อยๆเดินมาที่ถนน หันขวับไปมองเป็นจังหวะที่พ่อสะดุดขาตัวเองหกล้ม เธอตกใจร้องบอกให้หลิวหลิวหยุดรถ รีบลงไปพยุงพ่อให้ลุกขึ้น โดยมีหลิวหลิวตามมาสีหน้าร้อนรน คำปันจับมือดาวนิลไว้


“คุณดาวนิล...คุณดาวนิลหรือเปล่าครับ” คำพูดของพ่อทำเอาดาวนิลถึงกับน้ำตาร่วง

หลิวหลิวเห็นท่าไม่ดีชิงพูดขึ้นเสียก่อน “น้องดาวนิลเขายุ่งมากน่ะตา นี่ก็ต้องรีบกลับแล้ว ใช่ไหมคะ น้องดาวนิล” ไม่พูดเปล่าหลิวหลิวแกะมือดาวนิลออกจากแขนคำปันแล้วลากตัวออกมา คำปันขอโทษด้วยที่รบกวนเวลา ตนแค่อยากทักทาย ได้คุยกับคุณดาวนิลแล้วเหมือนได้คุยกับลูกสาวตัวเองทำให้คลายความคิดถึงไปบ้าง

 “ไว้รอตอนคุณพอมีเวลาก็ได้ครับ ผมจะรอนะครับ” พูดจบคำปันหันหลังจะไป ดาวนิลทนไม่ไหวร้องเรียกไว้ แล้วเดินกลับไปหา หลิวหลิวกลัวจะมีใครมาเห็น

ถ้าจะคุยกันก็อย่ามาคุยตรงนี้ จากนั้นกึ่งลากกึ่งจูงดาวนิลกับคำปันไปที่สวนข้างบ้าน บริเวณมุมลับตาคน แล้วปล่อยให้พ่อลูกได้คุยกัน

“วันก่อน คนบ้านนี้เขาเปิดดูละครทีวีที่คุณเล่นด้วยล่ะครับ เขาชอบกันใหญ่เลยครับ แต่เสียดายหูผมมันไม่ค่อยดี ฟังเสียงอะไรก็เพี้ยนไปหมด เลยได้ยินเสียงคุณไม่ชัด” คำปันปั้นเรื่องเป็นฉากๆ

ดาวนิลหลงคิดว่าพ่อหูไม่ดีจริงๆจึงคุยกับท่านด้วยความสบายใจ คุยโน่นคุยนี่ในฐานะคุณดาวนิลนางเอกสาวได้แค่พักเดียว หลิวหลิววิ่งมาตาม พูดโดยไม่ออกเสียงว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ เธอพยักหน้ารับรู้ จับมือพ่อไว้ ขอตัวกลับก่อน วันหลังจะมาคุยด้วยอีก หลิวหลิวเห็นเธอยังอ้อยอิ่งรีบดึงตัวออกมา

พอคล้อยหลังเท่านั้นทรงวุฒิเดินพ้นหัวมุม

เข้ามา คำปันหันมองตามเสียงฝีเท้าก่อนจะร้องทักว่าคุณวุฒิหรือ ชายหนุ่มแปลกใจรู้ได้อย่างไรว่าเป็นตนเอง คำปันจำเสียงฝีเท้าได้ ทรงวุฒิกระเซ้าหูดีไม่แพ้คนหนุ่มๆเลย กลองตามเข้ามาสมทบ ชายหนุ่มต่อว่าว่าไปไหนมาปล่อยให้ตาอยู่คนเดียว แล้วยื่นกล่องขนมให้ พลางถามหา

ช่อเอื้องไปไหน ตนไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ

“พี่ช่อเอื้องอยู่ที่บ้านคุณหมอเทวัญครับ”

ทรงวุฒิหุบยิ้มทันที มองกล่องขนมอีกกล่องในมือแล้วเดินไปหาช่อเอื้องที่บ้านพี่ชายคนโต ส่วนคำปันสั่งให้กลองพากลับไปที่ห้อง แล้วบอกให้เด็กน้อยเอาขนมไปกินในครัว ตนจะขอนอนพักสักหน่อยก่อน ครั้นแกออกไปแล้ว คำปันปิดประตูล็อกกลอน ทรุดตัวลงนั่งแปะกับพื้นร้องไห้ออกมา

“ดาวนิล...ดาวนิลลูกพ่อ...พ่อตามลูกเจอแล้วจริงๆใช่ไหม”

ooooooo

หลังโทร.ไปนัดกับจิดาภาเพื่อขอเคลียร์ปัญหา หลิวหลิวหันไปบอกดาวนิลซึ่งยังนั่งเอ๋อๆอยู่ที่เบาะหน้ารถข้างคนขับว่าให้ตั้งสติได้แล้ว จิดาภาให้เราไปเจอที่คอนโดฯของเธอ เรามีปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการ

“ดาวนิลน่าจะบอกความจริงกับพ่อ” ดาวนิลคร่ำครวญ

“คุณน้องจะพูดแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมาคะ เมื่อกี้ก็ได้คุยกับพ่อไปแล้ว โชคดีแค่ไหนคะที่พ่อน้อง

หูเสื่อมจนจำเสียงน้องไม่ได้”

ดาวนิลตัดพ้อจะถือว่าโชคดีได้อย่างไรในเมื่อพ่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังคุยอยู่กับใคร หลิวหลิวสวนทันทีจะคุยในฐานะอะไรก็ถือว่าได้คุยแล้ว ถ้าเธอคิดจะได้ทุกอย่างดั่งใจคงไม่ได้ ตอนนี้ควรเอาสติไปจัดการกับปัญหาที่มันอยู่ตรงหน้าดีกว่า อย่าลืมว่าถ้าห้ามจิดาภาไม่ได้ ทุกคนจะรู้เรื่องของเรารวมถึงพ่อของดาวนิลด้วย...

เมื่อมาถึงสถานที่ตามนัด จิดาภารอท่าอยู่แล้ว หลิวหลิวรวบรัดตัดความ จะเอาอย่างไรถึงจะยอมจบเรื่องนี้ จิดาภาไม่ต้องการให้ทรงพลมาเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำอย่างดาวนิล ดังนั้นเธอต้องเลิกกับเขา ปล่อยเขาไปแล้วตนจะคืนชีวิตหลอกๆนี้ให้ หลิวหลิวมองไปรอบๆอย่างไม่ไว้ใจนัก นี่แปลว่าจิดาภาจะยอมจบทุกอย่าง

“ใช่ ถือว่าฉันทำบุญกรวดน้ำให้แก ดาราอย่างแกหาเสี่ยแก่ๆเลี้ยงไม่ยากหรอก น่าจะชินนะ”

ดาวนิลแทบทนไม่ไหวทำท่าจะเอาเรื่อง หลิวหลิวต้องจับมือเธอเป็นการปราม แล้วหันไปทางจิดาภา “ตกลงค่ะ น้องดาวนิลจะไม่ยุ่งอะไรกับคุณทรงพลอีก แต่ถ้าคุณไม่รักษาคำพูด...”

“คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น แล้วเรื่องนังวิไลไม่ต้องห่วง เงินของฉันหนาพอที่จะอุดปากมันได้สนิท หมดธุระแล้วก็กลับไปได้แล้ว ฉันยอมให้มาเหยียบที่นี่เพราะอยากให้แกได้เห็นว่าเราต่างกันขนาดไหน” จิดาภามองดาวนิลกับหลิวหลิวที่กำลังจะกลับไปแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ร้องเรียกเอาไว้ เรื่องที่ดาวนิลตบหน้าตนที่บ้านทรงพล  ถ้าจะให้เคลียร์เธอจะต้องกราบขอโทษตนก่อนไม่อย่างนั้นจะล้มเลิกข้อตกลงทุกอย่าง

นางเอกสาวโกรธมากทำท่าจะไม่ยอม หลิวหลิวต้องกล่อมให้ยอมๆไปก่อนถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างพัง ให้เธอคิดเสียว่ากำลังถ่ายละครอยู่ก็แล้วกัน ดาวนิลจำใจทำตามที่จิดาภาต้องการ...

ช่อเอื้องนั่งหลบมุมอยู่ตรงข้างบ้านเทวัญ น้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงอดีตตอนที่พี่ดาวนิลพากลองซึ่ง

ยังเป็นทารกตัวน้อยกลับไปบ้านที่แม่อาย อ้างว่าเด็กพิการแม่ของแกก็เลยไม่อยากได้จะเอาไปทิ้ง เธอสงสารจึงขอมาเลี้ยงเอง ช่อเอื้องปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เชื่อว่ากลองน่าจะเป็นลูกของเธอ ขณะกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ทรงวุฒิตามมาเจอก็ร้องทักมานั่งทำอะไรตรงนี้ เธอรีบเบือนหน้าหนีแอบเช็ดน้ำตา

“นายมีธุระอะไร”

ทรงวุฒิซื้อขนมที่ช่อเอื้องอยากกินมาฝาก เธอยังคงไม่หันมา  เขาตัดพ้อสนใจกันหน่อยได้ไหมอุตส่าห์ไปต่อแถวซื้อมาให้ แล้วดึงให้เธอหันหน้ามา พอเห็นเธอตาบวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักถามว่าเป็นอะไร ช่อเอื้องส่ายหน้าไม่ได้เป็นอะไร ทรงวุฒิไม่เชื่อตาแดงขนาดนี้ไม่เป็นอะไรได้อย่างไร ที่เธอมานั่งตรงนี้เพราะมารอเล่าให้พี่เทวัญฟังใช่ไหม ทำไมถึงปรึกษาแต่พี่เทวัญไม่คิดจะปรึกษาเขาบ้าง

“นายอย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันตอนนี้ได้ไหม เอาขนมมาให้แค่นี้ใช่ไหม ให้เสร็จแล้วก็ไปสิ” พูดจบเธอดึง

ถุงใส่ขนมไปจากมือทรงวุฒิ แต่เขาดึงคืนในเมื่อไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา แล้วผละจากไปอย่างหัวเสีย...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน คุณนายติ๊ดเห็นวิไลกลับมาก็ซักเป็นการใหญ่ว่านังดาวนิลเจอเธอบุกถึงบ้านเป็นอย่างไรบ้าง วิไลเล่าให้ฟังว่าทีแรกมันก็ไม่ได้ตกใจอะไรนักแต่สักพักก็เริ่มสติแตกตบหน้าจิดาภาไปหนึ่งฉาด

“มันทำขนาดนี้รับรองคุณจิดาภาไม่ปล่อยมันไว้แน่ สมน้ำหน้านังวัวสันหลังหวะ นังคางคกขึ้นวอ”

วิไลอดสงสัยไม่ได้ ดาวนิลไปทำอะไรให้คุณจิดาภาไม่พอใจถึงต้องทำกับมันขนาดนี้ ผึ้งคันปากพูดแทรกขึ้นทันทีว่ามันดันไปแย่งคุณทรงพลมาจากเธอ วิไลถึงบางอ้อที่แท้ก็เรื่องผู้ชายนี่เอง แล้วถามคุณนายติ๊ดว่าไปจงเกลียดจงชังอะไรดาวนิล ผึ้งสอดแทรกขึ้นมาอีกว่าคุณนายอิจฉามันที่ได้ดี คุณนายติ๊ดโต้ว่าไม่ได้อิจฉาแค่ไม่อยากเห็นคนอย่างมันดีเกินหน้า วิไลมองเธออย่างระอาใจก่อนจะเดินเข้าห้องไปหน้าตาเฉย


แม่อายสะอื้น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด