ตอนที่ 8
“ต่อให้อั๊วก่อเรื่องมากกว่านี้ถ้ายังมีผลประโยชน์มันก็ไม่กล้าทำกับอั๊วอย่างงี้หรอกวะ”
“ถึงใช่เราก็ทำอะไรไม่ได้ อาแปะเลือกหักหลังอาเจ็กเอง ถ้าอาเจ็กรู้ว่าอาแปะมีส่วนในการตายของอาเง็ก อาเจ็กไม่เอาอาแปะไว้แน่ ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ นอกจากต้องช่วยคุณพันเดชให้ถึงที่สุดเท่านั้น”
ไม่ใช่แค่บ้านพันเดชที่ลุกเป็นไฟ โรงน้ำชาของเม่งฮงก็ตึงเครียดเมื่อทรงวาดบุกเอาเรื่องอาแท้ๆที่เอาเรื่องปิ่นมุกไปบอกฮุ่ยเซี้ยง เม่งฮงไม่สะทกสะท้านยืดอกยอมรับ
“เออ! อั๊วเป็นคนบอกตั่วเฮียเอง อีเด็กขอทานมันทำให้ตั่วเฮียเสียโฉมก็สมควรแล้วนี่ที่ต้องล้างแค้น”
“แล้วทีอาเจ็กกับโอ๊วแปะฆ่าพ่อแม่อาจูล่ะครับ อาเจ็กพูดอย่างนี้ไม่มีเหตุผลเหมือนตัวเองทำอะไรก็ไม่ผิดแต่พอคนอื่นทำกลับบ้างก็ต้องล้างแค้น”
“อั๊วไม่สนหรอกว่าลื้อจะคิดยังไง คนอย่างอั๊วก็มีแค่เลือดล้างเลือดเท่านั้น หนี้แค้นของตั่วเฮีย ตั่วเฮียก็ต้องสะสางด้วยตัวเอง ส่วนนังเด็กนั่นก็ให้มันมาคิดบัญชีกับอั๊วได้ทุกเมื่อ”
“ถ้าทำอย่างอาเจ็กชีวิตนี้คงไม่มีวันสงบสุขได้หรอกครับ”
“จะสุขจะทุกข์มันก็เรื่องของอั๊ว”
“แต่อั๊วคงต้องบอกเอาไว้ก่อนว่าโอ๊วแปะไม่ได้มีบุญคุณกับอั๊วเหมือนอาเจ็ก เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่เลิกรังควานอาจู อั๊วก็ไม่รับรองเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!”
ทรงวาดประกาศตัวปกป้องปิ่นมุกเต็มที่ เม่งฮงโกรธมากแต่ทำอะไรหลานชายไม่ได้ ทรงวาดไม่สนว่าใครจะพูดอะไรตัดสินใจจะย้ายปิ่นมุกกลับบ้านเพื่อความปลอดภัยและให้แปะฮ้อมาพักรักษาตัวที่บ้าน
ปิ่นมุกแวะมาดูอาการแปะฮ้อแล้วจะกลับบ้านอรุณรุ่ง ทรงวาดตามไปรั้งไว้
“อย่าทำอย่างนี้อีก”
“ทำอะไร”
“ก็เอาตัวมาบังอั๊วน่ะสิ...อั๊วทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นลื้อเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตา”
“อั๊วไม่มีทางรับปากเฮีย”
“ทำไมลื้อถึงดื้ออย่างนี้นะ”
“อั๊วก็ทนเห็นเฮียเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เหมือนกัน!”
สองหนุ่มสาวสบตาวัดใจก่อนที่ทรงวาดจะดึงตัวปิ่นมุกมากอด ถ่ายทอดความรักที่เก็บกดมานาน “อั๊วคิดเสมอว่าการที่ลื้อใกล้ชิดอั๊วคือการนำภัยมาสู่ตัวลื้อ อั๊วถึงพยายามทุกทางจะผลักไสลื้อให้ห่างอั๊วมากที่สุดแต่อั๊วก็แพ้ใจตัวเอง”
“ความปลอดภัยที่ไม่มีเฮียอยู่ด้วยมันคือความว่างเปล่าสำหรับอั๊ว ถ้ามีเฮียอยู่ถึงรู้ว่าอั๊วต้องตายอั๊วก็ไม่กลัว”
ทรงวาดยิ้มกว้าง กระชับอ้อมแขนแน่น “เจ้าปิศาจน้อยของอั๊ว”










