สมาชิก

บุพเพสันนิวาส

ตอนที่ 4

เกศสุรางค์ร้องอ๋อ...คิดหาคำแก้ตัว ก่อนจะอธิบายว่าคนที่สอนอะไร ตนก็เรียกอาจารย์หมด ท่านหมื่นจิกตาไม่เชื่อ หญิงสาวทำเสียงอ้อนถามว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม พอเขาปัดไม่มีเรื่องอะไรให้โกรธ เธอก็รีบถามว่าเขาทำงานที่ไหน ท่านหมื่นทำตาดุใส่ เธอเสียงอ่อยว่าลืมเพราะมนต์...ท่านหมื่นยกมือห้ามไม่ให้อ้างมนต์กฤษณะกาลีอีก เป็นเพราะเธอสติวิปลาสเอง หรือไม่ก็ผีที่สิงตัวเธอ เกศสุรางค์ยืนเหวอเถียงไม่ทัน

ที่ศาลาเปลื้องเครื่องในวังหลวง ขุนนางต่างมีทนายหน้าหอคอยถือของและช่วยนุ่งโจงกระเบนให้เจ้านาย รวมทั้งหมื่นสุนทรเทวาและหมื่นเรือง ที่มีจ้อยและทนายหน้าหอช่วย ทุกคนจะเหน็บกริชในฝักลงรักปิดทองที่โจง ไม่สวมเสื้อ

เมื่อเสร็จกิจทุกคนเดินออกมาจากศาลาเปลื้องเครื่อง หมื่นเรืองถามถึงการะเกด หมื่นสุนทรเทวาหน้าตึงไม่พอใจ ก็พอดีออกญาโหราธิบดีเดินมากับออกญาโกษาธิบดี พอเจอสองหมื่นก็จะคุยเรื่องเรือสำเภาอับปาง แต่ออกญาโหราธิบดีขอให้ไปคุยกันที่เรือนตน

เย็นวันนั้น ออกญาโกษาธิบดีพาจันทร์วาดและพระวิสูตรหรือขุนปานผู้น้องมาด้วย เกศสุรางค์ตะลึงงันที่ได้เห็นตัวจริง นึกถึงที่เรียนมาว่า ทั้งสองมีมารดาเดียวกันคือเจ้าแม่วัดดุสิต เป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์ พระวิสูตรเคยเป็นราชทูตไปฝรั่งเศส เป็นคนฉลาดหลักแหลม พูดเก่งทำให้คนฝรั่งเศสชื่นชมยอมรับเป็นทูต พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดปรานมาก

พระวิสูตรทักการะเกดว่างามสมคำเล่าลือ แล้วถามว่าหายป่วยแล้วหรือ เกศสุรางค์ยิ้มเรี่ยๆตอบว่าหายแล้ว คงเป็นเพราะมนต์กฤษณะกาลีอวยพรให้

หมื่นสุนทรเทวาเหน็บทันที

“กายหายดี แต่จิตคงฟั่นเฟือนไปบ้าง วาจาที่กล่าวออกมาจึงแปร่งแปลกไปขอรับท่านออกพระวิสูตร” พูดจบก็มองไปทางจันทร์วาด

เกศสุรางค์เคืองพึมพำ “อีกแล้ว กัดเราเสร็จหันไปทำตาเชื่อมกับกิ๊ก อีตาหมื่นเนี่ย”

หมื่นสุนทรเทวาหันกลับมามองเกศสุรางค์ แล้วหันไปร่วมสนทนากับพวกผู้ใหญ่ คุยได้สักพักก็หันกลับมาบอกเกศสุรางค์ว่าให้กลับเข้าห้องไปเสีย งานราชการฟังไปก็ไม่รู้ความ เธอสวน

“แม่หญิงจันทร์วาดก็เป็นหญิงยังนั่งอยู่ได้ แล้วทำไมข้าจะนั่งไม่ได้”

ผู้ใหญ่หันมองนัยน์ตาทึ่ง หมื่นสุนทรเทวาแก้ว่า จันทร์วาดรู้เรื่องทุกอย่าง แต่สำหรับเธอจะพานเบื่อหน่ายเพราะไม่รู้อะไรสักอย่าง เกศสุรางค์ฉุนสวนทันควัน

“ข้าไม่รู้เรื่องอะไรที่ไหนกัน เรื่องส่งราชทูตไปฝรั่งเศสข้าก็พอรู้ เรื่องอิจฉาริษยาใส่ความในวงราชการข้าก็รู้แต่เอาเถอะ ในเมื่อไม่อยากให้ข้าอยู่ ข้าไม่อยู่ก็ได้ แต่ก่อนไปข้าขอพูดอะไรกับท่านเจ้าพระยาโกษาเหล็กสักหน่อยได้ไหม”

นัยน์ตาทุกคนระแวงจ้องจับที่เกศสุรางค์ ออกญาถามว่ามีอะไร เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน สายตาจริงจังว่า

“ตำแหน่งที่ท่านเป็นอยู่ตอนนี้ ต้องเกี่ยวข้องกับพวกฟะรังคี เกี่ยวข้องกับการค้าขายเงินทอง ค่าภาษีจังกอบต่างๆ ท่านก็น่าจะรู้ว่าต้องมีคนคิดอิจฉาวาสนาของท่าน และคิดจะทำลายวาสนานี้ของท่าน” ออกญาถามว่ารู้สิ่งใดมา “ข้ามิได้รู้เรื่องใดมาเลยเจ้าค่ะ”

ออกญาหาว่าโกหก เกศสุรางค์ยืนยันว่ามิได้โกหก ตนกล่าวตามความจริงของมนุษย์ ทุกคนงงกับคำว่ามนุษย์ แล้วสรุปว่าคงเป็นคำของชาวสองแคว หมื่นสุนทรเทวาตัดบทว่าเธอพูดประสาคนวิปลาส เกศสุรางค์ปรี๊ดขึ้นมาอีกเยาะว่า

“เหอะ แล้วจะรู้ว่าหญิงวิปลาสคนนี้พูดความจริงที่สุด ข้าแค่คาดเดาเอาเท่านั้นเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร หรือจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าก็สุดที่จะรู้ได้...” แล้วเธอก็ร่ายยาวไปถึงเรื่องเรือจันทร์วาดล่มว่าอาจจะมีคนคิดปองร้ายครอบครัวของท่านก็เป็นได้

ผินกับแย้มแอบอยู่ได้ยินก็แปลกใจ แต่คิดไปว่า แม่นายพูดแบบนั้นเพื่อให้ผินพ้นผิด...เกศสุรางค์ยอมออกจากวงสนทนา ออกญาโหราธิบดีให้พาจันทร์วาดไปด้วย หญิงสาวแปลกใจ

จันทร์วาดเดินตามเกศสุรางค์อย่างระแวง แต่เจ้าตัวไม่รู้ กลับชักชวนเธอกินมะม่วงน้ำปลาหวาน จันทร์วาดไม่เคยได้ยิน เกศสุรางค์จึงบอกจะทำให้กินเอง จากนั้นก็บอกผินกับแย้มให้ช่วยส่งตนขึ้นต้นมะม่วง สองบ่าวตกใจไม่ยอมท่าเดียวที่จะให้เธอขึ้นต้นไม้ สุดท้ายก็ไปตามบ่าวชายมาปีนเก็บ เกศสุรางค์ให้เก็บมากมายเผื่อทุกคนได้กินถ้วนหน้า

ไม่เพียงวุ่นวายเรื่องเก็บมะม่วง พอเข้าครัวจะทำน้ำปลาหวาน ก็ต้องทะเลาะกับปริกอีกยกใหญ่ กว่าจะได้น้ำตาลปึก น้ำปลา หอมแดง กุ้งแห้ง และพริกแห้งมาได้ แล้วให้บ่าวก่อไฟตั้งหม้อที่ลานใกล้ครัว...เมื่อเคี่ยวน้ำปลาหวานเสร็จ ก็เอามะม่วงที่ฝานบางๆตักป้อนจันทร์วาด เธอตกใจแต่พอลิ้มรสก็อร่อยติดใจ เกศสุรางค์จัดใส่จานให้ยกไปบนเรือน ที่เหลือให้บ่าวไพร่กินกัน

บุพเพสันนิวาส

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด