ตอนที่ 4
สองคู่หมายเถียงกันไปมาอีกหลายคำรบ จนกระทั่งเสียงมีอำนาจดังขัดขึ้นว่า มีอะไร ทั้งสามหันมอง เกสุรางค์ สบตาท่านอาจารย์ด้วยแววตาตื่นตะลึง หมื่นสุนทรเทวารีบจับมือเธอดึงให้นั่งลง หญิงสาวมองมือที่โดนจับราวมนต์สะกด ท่านอาจารย์พูดขึ้นว่า
“ผ่านม่านอาคมมาได้ มิธรรมดาเลยหนอออเจ้า ตามข้ามานี่เถิด”
เกศสุรางค์ยังงง อาจารย์หันหลังเดินกลับไปหมื่นเรืองเดินตามแล้วหันมอง เห็นหมื่นสุนทรเทวาจูงมือการะเกดให้เดิน เขาเห็นท่าทีอ่อนโยนของเพื่อนที่มีต่อนาง
ทางเดินไปกระท่อมอาจารย์ เป็นป่าต้นไม้สูงใหญ่ ทุกอย่างเงียบสงบไม่มีเสียงนกกา ราวไร้กาลเวลา ภาพคนซ้อมดาบซ้อมมวยด้านหลังเลือนรางลง เกศสุรางค์เริ่มรู้สึกหนาวสั่น จึงกอดอกห่อไหล่ หมื่นสุนทรเทวาเห็นเช่นนั้นจึงจับแขนเธอ ราวจะถ่ายทอดความอบอุ่นให้
เกศสุรางค์รับรู้ได้หันไปยิ้มขอบคุณ ท่านหมื่นสบตาอึ้งๆ สักพักปล่อยมือแล้วถอยห่าง...พอเข้ามาในกระท่อมอาจารย์ ทั้งสามคนก้มกราบ อาจารย์ถามขึ้นว่า หมื่นสุนทรเทวาสงสัยอะไรในตัวนางคนนี้ ท่านหมื่นตอบว่า แปลกใจทำไมนางถึงผ่านม่านอาคมเข้ามาได้ อาจารย์หันมาจ้องตาเกศสุรางค์ที่อยากรู้เช่นกัน สักพักก็ตอบโดยไม่ขยับปากว่า นางผู้นี้มิใช่คนที่นี่
เกศสุรางค์ไม่รู้ว่าตนได้ยินเพียงผู้เดียว ถามสวนออกไปว่า รู้ได้อย่างไร หมื่นสุนทรเทวาเอ็ดว่าไม่ควรพูดอะไรหากท่านอาจารย์ยังมิได้พูด และว่าเธอชอบพูดจาเลื่อนเปื้อน เธอหันไปมองหมื่นเรือง ดูท่าเขาไม่ได้ยินเช่นกัน จึงหันกลับมามองอาจารย์ ท่านพูดทางจิตว่าให้เรียกท่านว่าอาจารย์ชีปะขาว แล้วท่านถามว่านั่งสมาธิเป็นหรือไม่ เธอตอบว่า...เคย หมื่นสุนทรเทวาปรามด้วยสายตา
“เคยเจ้าค่ะ คุณยายสอนให้นั่งก่อนนอนทุกคืน แม่ก็นั่งประจำเลยค่ะ จริงนะเจ้าคะ ไม่มุสา พูดเลยเจ้าค่ะ” เกศสุรางค์ไม่สนใจพูดยาวเหยียด
หมื่นสุนทรเทวาหาว่าไม่จริง อาจารย์หัวเราะแล้วพูดออกมาว่า จริงอย่างที่นางบอกแล้ว...เกศสุรางค์ยิ้มเย้ย อาจารย์จ้องหน้าสื่อด้วยจิตให้เธอตั้งใจฟัง หญิงสาวรับคำสำรวมขึ้นทันที
“ชะตาเจ้าหนักหนานัก จิตไม่ได้ผูกพัน แต่ดวงวิญญาณผูกพัน จึงมาไกลถึงที่นี่...หากจักช่วยแล้วจงช่วยให้ถึงที่สุด อย่าได้ละทิ้งหนาแม่การะเกด”
“ถึงอยากทิ้งก็ทิ้งยากเจ้าค่ะ”
“อืม...อย่าเสียใจให้เป็นเหตุเป็นการต่อไปเลย หักใจเสียเถิดหนาเจ้า...ออเจ้ายังต้องพบเจอ ต้องแก้ไขเหตุอันจะบังเกิดต่อไป จึงต้องปลงให้ได้ หากเรื่องใดเกินมือเจ้าจักต้านรับเอานี่ไปท่องดู” อาจารย์หยิบสมุดข่อยสีดำจากย่ามยื่นให้ สักพักก็ถามว่าจำได้หรือยัง นางอ่านแล้วรับว่าจำได้ “ก่อนท่องบทนี้ให้ท่องนะโมสามจบก่อน แต่ไม่ต้องเปล่งจากปากให้ผู้ใดได้ยิน มนต์บทนี้แม้จะสั้น แต่อานุภาพยิ่งใหญ่นัก จิตของออเจ้าต้องรวมสมาธิให้มั่น หากออเจ้าเจอเรื่องราวน่าหวาดหวั่น ท่องแล้วจะมีสติรู้คิด หากต้องหลบหนีภัย มนต์นี้จักกำบังกายมิให้ใครเห็น”
เกศสุรางค์ตาวาวถามทางจิตว่าหายตัวได้หรือ ท่านพยักหน้าขำๆ ย้ำว่าไม่ต้องหลับตา ให้ใช้ความคิด นางโต้ขำๆว่าถ้าหลับตาวิ่งหนีคงหกล้มถูกจับได้พอดี แล้วถามหน้าทะเล้นว่ามีมนต์สะเดาะกลอน เสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อ หรือทำควายธนูได้หรือไม่...อาจารย์เปล่งเสียงว่ามี เกศสุรางค์ถามอีกว่าเป่ามนต์ให้หลับได้ด้วยใช่ไหม ท่านเปล่งเสียงว่ามี เธอพึมพำ แบบนี้มีคนมาลักหลับทำอย่างไรดี อาจารย์หัวเราะออกมาเต็มเสียง สองหมื่นทำหน้างงทำนองหัวเราะอะไร
เกศสุรางค์หันมาเห็นสายตาหมื่นสุนทรเทวาก็สลดลง อาจารย์บอกอีกว่า กลับถึงเรือนค่อยทดลองสวดมนต์ หญิงสาวรับคำ หมื่นสุนทรเทวาเสียงเข้มให้เธอกราบลาท่าน เธอก้มกราบ อาจารย์วางเส้นด้ายแปดฟั่นสีดำสามเส้นให้ตรงหน้า ส่งสายตาว่าให้หยิบไป เธอกราบอีกครั้งก่อนหยิบ
ระหว่างเดินกลับ หมื่นสุนทรเทวาเป็นห่วงถามการะเกดว่าหนาวไหม เกศสุรางค์ยิ้มหวานให้แทนคำตอบ เขาทำตาดุใส่ก่อนจะเมินหน้าหนี...พอข้ามพ้นม่านอาคม สามบ่าว ผิน แย้มและจ้อย ดีใจเข้าไปกอดขาผู้เป็นนาย หมื่นเรืองถามขึ้นว่า อยากเที่ยวชมวัดพุทไธศวรรย์ฤาไม่
“อยากค่ะ...อยากสุดๆไปเลย” เกศสุรางค์ตอบอย่างลืมตัว










