ตอนที่ 4
หมื่นสุนทรเทวากำลังชะเง้อมองไปทางห้องหนังสือ ด้วยอยากรู้ว่าการะเกดคุยอะไรกับออกญาโหราธิบดี จึงไม่สนใจคำเตือนของจ้อยว่าได้เวลา 5 บาทแล้ว ระหว่างนั้นเกศสุรางค์พูดกับออกญาว่า ตัวอักษรในจินดามณีเหมือนที่ตนเคยเห็น ออกญาแปลกใจ
“ลุงไม่เคยรู้ว่าเมืองพิษณุโลกสองแคว ส่งคนมาคัดลอกหนังสือของลุง”
“ตัวอักษรนี้มีไม่ครบนี่เจ้าคะ” เกศสุรางค์เบนความสนใจ ออกญาแปลกใจอีกว่าตัวอักษรไม่ครบอย่างไร “มีแค่ 37 ไม่ใช่ 44...อ๋อ ตัวที่ไม่มีเป็นตัวประหลาดทั้งนั้น ฎ ชฎา ฏ ปฏัก ฐ ฐาน ฒ ผู้เฒ่า ณ เณร ฑ นางมณโฑ กี่ตัวแล้วนี่ อ้อ ฮ นกฮูก ครบยัง...ครบแล้ว รวมเป็น 44 ตัวพอดี”
ออกญามองการะเกดนับนิ้วอย่างงุนงง เกศสุรางค์อ้างว่าลืมเพราะมนต์ของท่าน ทั้งสองหัวเราะออกมา... ท่านหมื่นได้ยินเสียงหัวเราะจะเดินไปดู แต่จ้อยมาตามอีก จึงต้องกลับไปลงเรือ
เกศสุรางค์เดินลงมาที่ลานบ้านข้างล่าง เห็นบ่าวไพร่ทำงานมากมาย แต่ละคนพอเห็นหน้าเธอก็พากันเดินหนี จึงพึมพำ เจออีกแล้วนะการะเกด ต้องถูกมองด้วยสายตาแบบนี้อีกนานเท่าไหร่...ทันใดผินกับแย้มวิ่งตามมา บ่าวไพร่เหล่านั้นยิ้มแย้มทักทาย เธอถึงกับเปรย
“คนรักพี่แย้มพี่ผินมากกว่าเธอนะการะเกด”
เกศสุรางค์เอ่ยถามผินกับแย้มว่า 5 บาทหมายความว่าอย่างไร แย้มบอกเป็นเงินท่วมเมือง แต่ผินบอกอีกความหมายว่า 5 บาทก็กึ่งยาม ยามหนึ่งมี 10 บาท เกศสุรางค์จึงคำนวณว่าบาทหนึ่งก็ 6 นาที 5 บาทก็ครึ่งชั่วโมง...ว่าแล้วก็รีบเร่งให้สองบ่าววิ่งตามมา
เกศสุรางค์ให้ผินกับแย้มพายเรือตามเรือจ้อย สองบ่าวหวั่นใจที่ออกมาโดยไม่ได้ขออนุญาตใคร...มาถึงท่าน้ำวัดพุทไธศวรรย์ สองบ่าวพายเรือแหวกเรืออื่นๆ เข้ามาจอด มองหาเรือจ้อย แต่ยากเพราะเรือเหมือนกันไปหมด จนกระทั่งเห็นจ้อยยืนจีบแม่ค้าสาวอยู่ ก็เข้าไปบีบบังคับให้พาไปหาหมื่นสุนทรเทวา จ้อยหน้าเจื่อนจะโกหกก็โดนดักคอก่อน จำต้องนำทาง
มาถึงบริเวณมืดครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่ จ้อยหยุดไม่กล้าเดินต่อ บอกต่อจากนี้ไปเข้าไม่ได้ มีอาคมอยู่ เกศสุรางค์ไม่เชื่อจะเดินผ่านหมู่ต้นไม้ ทันใด เหมือนมีแรงดึงตัวเธอเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผิน แย้ม และจ้อยร้องกันเสียงหลงก้องป่า
เกศสุรางค์ถลาเข้ามายืนงง หันไปดูไม่มีใครตามก็ส่งเสียงเรียก นึกถึงคำจ้อยที่ว่าเข้าไม่ได้มีอาคม แล้วแปลกใจทำไมตนถึงเข้ามาได้คนเดียว ฉับพลันได้ยินเสียงฟันดาบ เสียงเตะต่อยแว่วมา จึงออกเดินอย่างเร็ว โผล่พ้นพุ่มไม้ ก็เห็นชายฉกรรจ์ล่ำสัน กล้ามสวย ซ้อม ฟันดาบ ต่อยมวย ละลานตา เผลออุทานออกมาว่า
“โอแม่เจ้า...ประกวดชายงามได้เลยนะเนี่ย หล่อล่ำสุดยอด ซิกซ์แพ็ก...เซเว่นแพ็ก...”
ทันใดเสียงทักว่านั่นใครดังขึ้น เกศสุรางค์หันมองเห็นหมื่นเรืองก็ตะลึงร้องเรียกไอ้เรือง หมื่นเรืองงงทำไมรู้ชื่อ แต่พอเห็นหน้าตาสวยแจ่มก็ยิ้มกรุ้มกริ่มให้ หญิงสาวพึมพำ
“เฮ้ย ใช่จริงด้วยเหรอ แกตายเหมือนกันรึ” พอเขาเรียกว่าแม่หญิง เธอก็ชะงักรู้ว่าไม่ใช่
“ข้าชื่อเรือง ยศหมื่นเรืองราชภักดี...แม่หญิง เข้ามาในเขตนี้ได้อย่างไร”
“ข้าเดินมากับจ้อย พี่ผิน พี่แย้ม แต่เขาหายกันไปหมด ที่นี่ที่ไหน ค่ายมวยเหรอ แล้วหมื่นสุนทร...” พูดไม่ทันจบก็เห็นหน้าท่านหมื่นยืนจ้องถมึงทึง
“ออเจ้ามาได้อย่างไร แม่การะเกด”
“แม่การะเกด แม่หญิงคู่หมายของออเจ้าใช่ฤาพ่อเดช...จะให้ข้าเชื่อรึ ออเจ้าบอกว่านางไม่งาม แถมยังน่าเกลียดปากร้าย ถ้านางไม่งามก็ไม่มีหญิงใดในพระนครจะงามแล้ว”
หมื่นสุนทรเทวาไม่สนใจ ร้องเรียกจ้อยให้ออกมาพาการะเกดกลับ จ้อยสะดุ้งได้ยินแต่เสียงนาย ด้วยความกลัวจึงวิ่งพุ่งเข้าไป ผินกับแย้มตาม แต่ทั้งสามกระเด็นกระดอนไปคนละทางสองทาง เข้าไม่ได้ เสียงท่านหมื่นคาดโทษจะโบยหวายทั้งสามคน
เกศสุรางค์เถียงแทนว่าทั้งสามไม่ผิด จะลงหวายก็ลงตนคนเดียว เป็นนายตัดสินไม่เป็นธรรมได้อย่างไร หมื่นเรืองตาค้างฟังไม่เข้าใจว่าเธอพูดภาษาอะไร หมื่นสุนทรเทวาบอก
“ภาษานางนั่นแหละ ถึงได้บอกว่านางน่าเกลียดไง”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกัน...หมายความว่ามันคนละเรื่องนะคะคุณพี่”
หมื่นสุนทรเทวาทำตาดุใส่ สั่งให้กลับเรือน
เกศสุรางค์ขอกลับพร้อมเขา ท่านหมื่นเสียงเข้มว่าไม่ได้ เธอถามว่าเพราะอะไร เขาหาว่าเธอเถียงทุกคำ เธอก็แย้งว่าถามไม่ได้เถียง หมื่นเรืองขำบอกเป็นพยานว่านางไม่ได้เถียง หมื่นสุนทรเทวาเคืองเพื่อนบอกให้หุบปาก หมื่นเรืองเห็นว่าเพื่อนโกรธจริงจึงปรามเกศสุรางค์อย่าเพิ่งแหย่รังแตน เธอพูดขำๆว่า แตนตัวเบ้อเร่อ เขาหัวเราะชอบใจ เกศสุรางค์ยิ้มที่ยังมีคนเข้าใจ...เสียงแย้มดังเข้ามาว่าอย่าเถียงท่านหมื่น เดี๋ยวโดนหวาย
“ไม่ยอมหรอก ลองมาโบยสิ ไม่ได้ทำอะไรผิด” เกศสุรางค์ตะโกนตอบ










