ตอนที่ 4
ทุกคนงงกับคำว่าสุดๆ เธอขำสีหน้าทุกคนแล้วอธิบายว่า อยากมากๆ สองหมื่นเข้าใจว่าเป็นภาษาของเมืองสองแคว หมื่นสุนทรเทวาเห็นเกศสุรางค์พูดคุยกับหมื่นเรืองอย่างเป็นกันเอง ก็รู้สึกหงุดหงิดใจ พาลเสียงเข้มใส่บ่าวทั้งสาม เร่งให้กลับไปที่เรือ เกศสุรางค์รู้สึกได้จึงปัดหมื่นเรืองขอไปเที่ยววันหลัง ไม่อยากขัดใจคุณพี่
ผินกับแย้มเดินละล้าละลังเป็นห่วงแม่นาย หมื่นสุนทรเทวาสั่งให้ลงเรือ ทันใดเกศสุรางค์กับหมื่นเรืองมาถึง บอกว่าไม่ได้ไปเที่ยวแล้ว หมื่นเรืองขอกลับเรือด้วยคน ว่าแล้วก็ก้าวลงเรือ หมื่นสุนทรเทวาจึงให้สามบ่าวกลับเรือลำเดียวกัน อีกลำตนพายเอง มีหมื่นเรืองกับเกศสุรางค์นั่งไป ทั้งสองคุยกันเรื่องเรือสำเภาอย่างสนุกสนาน ทำให้หมื่นสุนทรเทวาหมั่นไส้ตาขุ่น เกศสุรางค์ยังพูดขึ้นว่า หมื่นเรืองหน้าเหมือนคนที่รู้จักจริงๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ หมื่นเรืองงงไม่รู้ความหมาย แต่ก็หัวเราะ
“ข้าจะมาทวงให้เจ้าพูดทุกวันจะได้ไหม” หมื่นเรืองชอบใจภาษาแปลกๆของเกศสุรางค์
หมื่นสุนทรเทวาจ้วงพายลงน้ำเต็มแรง หญิงสาวร้องอูย...รู้ว่าเขาไม่พอใจ ไม่ทันไรหมื่นสุนทรเทวาจอดเรือที่ท่าน้ำบ้านหนึ่ง แล้วไล่ให้หมื่นเรืองขึ้นไป เขาจึงหันมาลาการะเกดก่อนกระโดดขึ้นท่าหายตัวไปทันที จากนั้นเกศสุรางค์ก็มองวิวทิวทัศน์อย่างตื่นตาตื่นใจไปเรื่อย
เมื่อถึงท่าน้ำบ้าน หมื่นสุนทรเทวาขึ้นจากเรือแล้วหันกลับไปยื่นมือให้ เกศสุรางค์มองอย่างไม่มั่นใจ เขาขยับมือทำนองว่าแน่ เธอจึงเอื้อมมือไปจับและเหนี่ยวตัวขึ้นท่าอย่างแรง แกล้งให้เขาเซ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณขำๆ ท่านหมื่นเดินไปหน้านิ่ง...ผินกับแย้มรีบวิ่งเข้ามา ถามหาหมื่นเรือง เกศสุรางค์บอกว่าท่านหมื่นไล่เขากลับเรือนไปแล้ว ให้ขึ้นท่าบ้านใครไม่รู้
หมื่นสุนทรเทวาหันกลับมาติง “ออเจ้าพูดจาให้มีความจริง หมื่นเรืองเขาลงท่าน้ำบ้านเขา”
“ข้าจะรู้ไหมเนี่ย ไม่พูดไม่จาอะไร จอด...ขึ้น...แล้วคุณพี่ก็พายเรือมา”
ผินกับแย้มหัวเราะ ท่านหมื่นเอ็ดแล้วไล่สองบ่าวให้ขึ้นเรือนไปก่อน สองบ่าวกลัวลานรีบวิ่งไปทั้งที่เป็นห่วงแม่นาย...เกศสุรางค์จ้องหน้าท่านหมื่นแล้วถามว่าจะโบยตนหรือ
“แม่การะเกด ออเจ้าเพิ่งออกนอกเรือน มิรู้ว่ากิริยาชม้ายชายตาของออเจ้าเป็นวิสัยปกติฤาเผลอไผล จะเป็นอันใดก็ตามก็มิบังควรกระทำ ผู้ใดเห็นเข้าจักเอาไปนินทาได้ว่า หลานคุณพ่อกิริยามิงาม เป็นหญิงชม้ายชายตาให้ผู้ชายไปถ้วนทั่ว จักพาขายขี้หน้ากันทั้งเรือน”
เกศสุรางค์จ้องหน้าคิดในใจทำปากขมุบขมิบ
“อีตาบ้า มาหาว่าฉันให้ท่าตาหมื่นเรืองเหรอเนี่ย...บ้าจริง ชม้อยชม้ายตาเป็นไงวะ ทำตอนไหน”
ท่านหมื่นเห็นสั่งให้พูดออกมา เกศสุรางค์ปัดว่าฟังไม่รู้เรื่อง ถ้าอยากให้รู้ต้องพูดใหม่ เขาหาว่าเธอเหลวไหลเลื่อนเปื้อนเชือนแช ทำสิ่งใดย่อมรู้แก่ใจ และบอกว่าหญิงอโยธยาเขามิทำกิริยาน่าละอายอย่างนั้น เกศสุรางค์เถียงว่าเคยเห็นหญิงอโยธยาทำกิริยานี้ เธอหมายถึงจันทร์วาดแต่ไม่เอ่ยชื่อออกมา และว่าเขาสองมาตรฐาน หญิงสาวรู้สึกน้อยใจอย่างมาก เดินหนีกลับเรือน
ผินกับแย้มเตรียมตักน้ำจะล้างเท้าให้ เกศสุรางค์เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เข้าห้องได้ปิดประตูใส่หน้า สองบ่าวเห็นแม่นายน้ำตาคลอก็พยายามเคาะถามอย่างห่วงใย...เกศสุรางค์ยืนพิงประตูร้องไห้อย่างไม่รู้ว่าทำไม พอตั้งสติได้ก็ปาดน้ำตาโพล่งออกมาว่า ไม่สนเว้ย...แล้วหันมาสนใจบทสวดในสมุดข่อยที่ได้มา ตัดสินใจทดลองสวด “จิตติ จิตตัง กัมปิยัง มหาจิตติ”
ทันใดแสงสว่างที่ส่องเข้ามา มืดสลัวลง ร่างเกศสุรางค์ค่อยๆกลายเป็นโปร่งใส เธอตะลึงตื่นเต้นที่เป็นจริง ลองเดินไปที่ประตู เผอิญชนสิ่งของหล่น ไม่ทันไร หมื่นสุนทรเทวาเปิดประตูเข้ามาพร้อมผินกับแย้ม
ทั้งสามไม่เห็นเกศสุรางค์ หญิงสาวเดินหลบไปที่ฉากกั้น ร่างกายปรากฏทำทีเป็นลมอยู่ตรงนั้น ผินกับแย้มมาเห็นร้องด้วยความตกใจ
หมื่นสุนทรเทวารีบเข้าอุ้มมานอนที่เตียง เอามืออังจมูกว่ายังหายใจ หันไปจะบอกสองบ่าวให้ไปหายาดม แต่ทั้งสองหายไปเสียก่อน เขาจึงก้มลงมองหน้าเธอใกล้ๆ มืออังหน้าผากหายใจแรง เกศสุรางค์ลืมตาโพลงขึ้น ถามเขาจะทำอะไร เป่าลมอะไรใส่ตน ท่านหมื่นชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยืดตัวขึ้นวางท่าไม่ได้ตกใจใดๆ เอ่ยถามว่าฟื้นแล้วหรือ เป็นอะไร
“อืม...ก็เป็นลมธรรมดาๆค่ะ หายแล้ว คุณพี่ยังโกรธข้า คุณพี่จะออกไปก็ได้ค่ะ”
ท่านหมื่นทำหน้าเก้อๆ สักครู่หันหลังกลับออกไป เกศสุรางค์ลูบอกตัวเองอย่างโล่งใจ พึมพำจะไม่ทำอีกแล้ว ...ถ้าไม่จำเป็น
เย็นวันนั้น หมื่นสุนทรเทวายืนครุ่นคิดถึงความรู้สึกที่อุ้มการะเกด แล้วพยายามไล่ความรู้สึกนั้น คิดถึงวันแรกๆที่เธอเข้ามาในบ้าน ความร้ายกาจ ความก้าวร้าวของเธอมีมาก ด่าว่าทำร้ายบ่าวของตัวเองรุนแรง และพาลมาถึงบ่าวไพร่ในบ้าน ทุกคนจึงพากันเกลียดชังเธอ










