ตอนที่ 3
เกศสุรางค์รอจนผล็อยหลับพิงเสา พอดีผินกับแย้มลุกออกไป หมื่นสุนทรเทวากลับมาถึง ยื่นหน้าไปพินิจใบหน้าเธอ เห็นริมฝีปากอวบอิ่ม แก้มแดงระเรื่อก็รู้สึกหวิวในใจ ทันใดหญิงสาวลืมตาโพลงขึ้น ท่านหมื่นผงะถอยออกทำหน้าเก้อๆ
“โห...กว่าจะมา ผ้าเช็ดหน้าค่ะ จะได้หายเหนื่อย” เกศสุรางค์รีบส่งผ้าชุบน้ำให้
“ข้าล้างหน้าแล้ว ไม่เหนื่อยแต่อย่างใด” เกศสุรางค์จึงเปลี่ยนเอาขนมให้ “ข้ากินทั้งเหล้าทั้งกับแกล้มมาแล้ว... ไม่หิว” หมื่นสุนทรเทวาตัดรอนทุกอย่างแล้วเดินไปทันที
“โห...ผู้ชายอะไรขี้เก๊กชิบเป๋ง...หล่อเลือกได้นะยะ” เกศสุรางค์ส่งเสียงดังไล่หลัง
ท่านหมื่นชะงักหันมาถามว่าพูดอะไร เธอตีหน้าตายว่าลืมไปแล้ว แอบขัดนิ้วไว้ด้านหลังเพราะมุสา ไม่ว่าท่านหมื่นจะคาดคั้นถามอย่างไร ก็สบตาด้วยนัยน์ตาใสซื่อ พอเขาก้าวย่างมาใกล้เธอก็ถอยร่นจนล้มก้นจ้ำเบ้า เขาจึงเดินจากไปไม่คิดจะดูแล...ผินกับแย้มเดินกลับมาเห็นแม่นายล้มอยู่ก็ถลาเข้ามาอย่างห่วงใย เกศสุรางค์จึงสั่งให้รินชาและเอาขนมมา ตนจะกินเองให้หมด
ooooooo
จำปาชวนหมื่นสุนทรเทวาไปทำบุญที่วัดเดิมในวันพรุ่งเพราะเป็นวันพระ เกศสุรางค์ได้ยิน ถลาเข้ามาขอไปด้วย จำปาเอ็ดไม่รู้จักกาลเทศะ ท่านหมื่นก็มองตาขุ่น เพราะตามมารยาทต้องรอให้เขาสนทนาจบก่อน เธอถึงจะเข้ามาคุยได้ เกศสุรางค์จึงเร่งให้เขารีบไป จะได้คุยบ้าง
พอกลับเข้าห้อง เกศสุรางค์หัวเราะเสียงดังสมใจที่ทำให้จำปาอนุญาตให้ไปวัดด้วยได้ ผินกับแย้มตกใจรีบปรามให้เบาเสียง แล้วบอกควรเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะต้องตื่นเช้า...เธอจึงไปแปรงฟัน ด้วยความที่สบายใจฮัมเพลงและส่ายสะโพกตามจังหวะ พลันรู้สึกว่ามีคนมองจึงชะงักหันดูก็ได้เห็นสายตาหมื่นสุนทรเทวามองหน้าตึง จึงแกล้งเดินผ่านเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
เช้ามืด ผินกับแย้มปลุกเกศสุรางค์ให้รีบไปอาบน้ำ เธอเดินงัวเงียขอซักแห้ง สองบ่าวทำหน้างง แย้มบอกให้รีบอาบน้ำเดี๋ยวท่านหมื่นจะลงมาอาบ เธอคิดแกล้งจะอาบให้นานเป็นชั่วโมง ทันใดเสียงท่านหมื่นดังมาว่า ถ้าอาบช้าตนจะไม่คอย เท่านั้นเกศสุรางค์รีบอาบน้ำ หนาวปากสั่น ขึ้นมาก็รีบให้ผินกับแย้มแต่งตัวให้ สองบ่าวประโคมเครื่องทองจนเธอต้องขอให้พอ ถ้ามากกว่านี้จะเป็นนางรำแล้ว ผินรีบทำผมจับปีกให้สวยงาม เกศสุรางค์เบื่อรื้อออกรวบผมถักเปีย พอออกมาจากห้อง ทั้งนายและบ่าวเห็นต่างตะลึงกับทรงผมที่ไม่เคยเห็น จำปาเอ็ดเสียงลั่น จิ้มหัว
“แม่การะเกด นั่นออเจ้าวิปลาสไปแล้วหรือนั่นน่ะ ...พ่อเดช บอกแม่การะเกดให้หวีผมเสียใหม่ บอกนางด้วยว่า นางไม่ใช่ลูกสาวพระยาหัวเมืองที่ไม่มีใครรู้จักเหมือนเมื่อก่อน แต่บัดนี้นางมีศักดิ์เป็นหลานสาวออกญาโหราธิบดี พระราชครูของขุนหลวง” เห็นการะเกดยืนดื้อดึง ก็หันไปเอ็ดผินกับแย้มที่ไม่รู้จักห้ามปรามนายตัวเอง
สองบ่าวก้มหมอบติดพื้น เกศสุรางค์ไม่เห็นด้วย ในเมื่อหัวของตน ผมของตน จะทำแบบไหนก็เป็นสิทธิ์ของตน จำปาโกรธมากถ้าออกญาไม่จัดการก็จะไม่ไปด้วย ออกญากลับเห็นว่าทรงนี้สวยแปลกตาดี หมื่นสุนทรเทวาอ่อนใจพยายามพูดอย่างอ่อนโยน ชี้แจงว่า
“ออเจ้าไม่ได้ทำผิดอันใดทั้งสิ้น...ออเจ้าจะต้องสู้สายตาคนทั้งวัด ซึ่งไม่เป็นการดีกับออเจ้าเลย ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น...”
เกศสุรางค์สบตาท่านหมื่นนิ่งอึ้ง สัมผัสถึงความไม่ปกติในหัวใจ ยอมไปเปลี่ยนทรงผมตามความต้องการของจำปา...
เมื่อเรือแล่นไปตามน้ำ เกศสุรางค์เห็นว่าไปคนละทางกับวันก่อนก็ซักถามหมื่นสุนทรเทวายกใหญ่ ท่านหมื่นกระซิบตอบเบาๆ...ด้วยท่าทางตื่นเต้นชี้ถามตลอดเวลา ทำให้จำปามองนัยน์ตาดุ แต่ท่านหมื่นก็ยังตอบคำถามเธอทุกคำ เกศสุรางค์พยายามซึมซับภาพจริงทุกอย่างเอาไว้ พอเห็นป้อมท้ายสนมก็ร้องอ๋อ จนท่านหมื่นต้องถามว่ารู้จักหรือ เธอส่ายหน้าบอก
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ อยู่ใกล้ประตูฉนวนหรือเปล่าคะ ที่ว่าพวกพระสนมต้องมาลงเรือตรงนี้” ท่านหมื่นชี้ว่าประตูฉนวนอยู่ข้างหน้า “ประตูฉนวนจริงด้วย กั้นผ้าไม่ให้คนเห็น...นั่นปราสาทอะไรนะคะ ที่อยู่ติดกำแพงเมืองที่สุด” เกศสุรางค์มองสูงขึ้นไป
“พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์”
“ใช่ๆ ถัดไปเป็น...พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท ใช่ไหมคะ”
“มองดีๆจะเห็นยอดปราสาท...ตรงนี้” ท่านหมื่นชี้มือ เกศสุรางค์เอนตัวมองตามด้วยความตื่นเต้น










