สมาชิก

บุพเพสันนิวาส

ตอนที่ 3

เกศสุรางค์แต่งตัวเสื้อเครื่องเต็มยศ และสวมกางเกงในที่เย็บเอง ผินกับแย้มท้วงว่าไปงานบุญไม่จำเป็นต้องแต่งขนาดนี้ แค่ห่มสไบก็พอ แต่นางกลัวหลุด ถ้าอย่างนั้นจะนุ่งโจงห่มตะเบ็งมาน ผินห้ามว่าแบบนั้นลูกหลานพระยาไม่ใส่กัน...เกศสุรางค์กลัวไม่ทันรีบออกจากห้อง จำปาเห็นชุดที่นางใส่ก็ติงว่าจะใส่เครื่องเต็มยศไปไหนและว่างานนี้เขาไม่ได้เชิญ ออกญาโหราธิบดีสงสารจึงให้ไปด้วย แต่เกศสุรางค์เห็นสายตาท่านหมื่นจึงกล่าว

“หลานอยากอ่านหนังสือในห้องหนังสือของคุณลุงมากกว่าเจ้าค่ะ”

แล้วกระซิบกับท่านหมื่นว่า สมใจแล้วนะเจ้าคะ... ท่านหมื่นหันขวับมองว่าพูดอะไร จำปายังคาใจกับการเปลี่ยนไปของการะเกด ความร้ายกาจ วาจาสามหาว หนักไม่เอาเบาไม่สู้ของนางหายไปไหน แต่ข้อดีคือปากกับใจตรงกัน ไม่ดีอย่างไรก็แสดงออกมาหมด ออกญาจึงบอกว่านางเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ดีแล้ว ขอให้จำปามองด้วยจิตเมตตาจะเห็นเหมือนที่ตนเห็น แต่จำปายังทิฐิไม่ยอมมองแบบนั้น หันไปถามท่านหมื่น เขาปัดว่าเขาไม่ต้องการพูดเรื่องการะเกด

เกศสุรางค์เห็นทุกคนลงเรือออกไปหมดแล้ว ก็ชวนผินกับแย้มพายเรือออกไปเที่ยวเล่นบ้าง แม้ทั้งสองจะห้ามปรามแต่ก็ไม่อาจขัดใจได้...เกศสุรางค์ซักถามสิ่งที่พบเห็นตลอดทาง เห็นยอดปรางค์วัดไชยก็นึกถึงที่เรียนมา ว่าวัดไชยสร้างแบบเขมรไม่มีโบสถ์แต่มีปรางค์เป็นประธาน

วัดไชยวัฒนารามเป็นพระอารามหลวง สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้สร้างขึ้น สันนิษฐานว่าสร้างเป็นอนุสรณ์ของชัยชนะเมืองละแวกหรือพนมเปญในปัจจุบัน...เกศสุรางค์สนใจเรื่องประวัติศาสตร์มาก จำได้แม้แต่ปี พ.ศ. เธอให้จอดเรือแล้วขึ้นไปเดินชมความงามของวัดไชย คิดถึงเรืองฤทธิ์ ที่ไม่มีโอกาสมาเห็นของจริงอย่างตน

ขณะเดียวกัน พระเรืองเดินชมซากปรักหักพังของวัดไชยอยู่เช่นกัน ด้วยคิดถึงเพื่อนรัก

งานบุญที่บ้านออกญาโกษาธิบดี มีแขกเหรื่อเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน พิธีบุญเสร็จสิ้น ออกญา โกษาธิบดีกับคุณหญิงนิ่ม พ่อแม่ของจันทร์วาด นั่งคุยกับออกญาโหราธิบดี คุณหญิงจำปาและหมื่นสุนทรเทวา ถึงเรื่องมนต์กฤษณะกาลีว่าได้ผลอย่างไร

ออกญาโหราธิบดีบอกว่าคนผิดไม่ใช่คนในเรือน ออกญาโกษาธิบดีจึงขอโทษบอกข่าวลือมันมากความ แต่ขอพูดตรงๆว่าข่าวลือถ้าไม่มีมูลก็ไม่ลือกัน นิ่มสำทับได้ยินว่าถึงกับวิปลาสเพราะมนต์กฤษณะกาลี...แม้แต่หมื่นเรืองยังพูดกับหมื่นสุนทรเทวาว่า คนเชื่อกันทั้งบางแล้วว่าคู่หมายของเขาเป็นคนผิด หมื่นสุนทรเทวากลับเถียงแทนว่า แต่การะเกดไม่ตายเพราะมนต์นั้น

หมื่นเรืองเย้า “ชังนางเหลือเกินนะออเจ้า...เห็นทีจะเห็นว่านางขี้ริ้วจนเหลือกำลัง สายตาของออเจ้ามิเหมือนชายใด”

หมื่นสุนทรเทวาทำหน้าไม่ถูก...ด้านเกศสุรางค์ยังสนุกเพลิดเพลินกับการเห็นผู้คนบนเรือพายที่ดูหรู ยืดคอชะเง้อมอง ผินกับแย้มรีบดึงให้ก้มหน้าห้ามมอง เรือแบบนั้นสำหรับเจ้านาย เธอจึงนึกได้ว่าเจ้านายสมัยก่อนห้ามผู้คนมอง พอเรือผ่านไปก็อดบ่นออกมาไม่ได้ว่า

“เฮ้อ...ไม่เข้าใจเลยนะพี่ สวยๆซะขนาดเนี้ย ทำมั้ยทำไมไม่ยอมให้คนเห็น มีแต่เขาจะพยายามออกสื่อให้คนเห็นเยอะๆ...เป็นอะไรพี่ อ๋อ ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่แปลกหรอก ข้าเองยังฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย โอเคนะพี่” เกศสุรางค์เห็นสีหน้าผินกับแย้มก็ทำนิ้วโอเค ทั้งสองยิ่งงงงวย

เสร็จงานบุญ หมื่นสุนทรเทวาแยกไปสำมะเลกินสุรากับหมื่นเรือง โดยมีจ้อยพายเรือพาไป พอเมาได้ที่จะกลับ ก็พอดีมะลิเดินมาหาฟานิก พลันสะดุดพื้นถลาไปชนกับหมื่นสุนทรเทวาเข้าพอดี ท่านหมื่นกอดนางไว้ไม่ให้ล้ม มะลิเงยหน้ามาเห็นท่านหมื่นก็หลงใหลกล่าวขอบใจ หมื่นสุนทรเทวาปัดให้ขอบใจหมื่นเรืองราชภักดี บุตรพระยาวิสูตรสาครที่ชวนตนมาเที่ยวแถวนี้ แล้วพากันเดินไป ฟานิกเห็นสายตาลูกสาวที่มองหมื่นสุนทรเทวาก็ตำหนิว่า ถ้ายายเห็นไม่แคล้วโดนดุเป็นแน่ มะลิรีบก้มหน้าเดินเลี่ยงไป

ทางด้านเกศสุรางค์...ผินกับแย้มเร่งให้เธอออกไปที่ท่าน้ำ ทั้งสองเตรียมขนมหวาน ถ้วยชา และชามดินเผาใส่น้ำพร้อมผ้าเช็ดหน้ามาด้วย บอกไว้ให้หมื่นสุนทรเทวาเวลามาถึง เอาน้ำชากับขนมให้ท่านกิน และผ้าชุบน้ำให้ท่านเช็ดหน้าเพื่อความสดชื่น หญิงสาวถามต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ สองบ่าวบอกว่าแม่หญิงทำแบบนี้ทุกวัน...จำปากับปริกชะเง้อมองอย่างหมั่นไส้

บุพเพสันนิวาส

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด