ตอนที่ 3
เกศสุรางค์เดินอย่างรวดเร็วออกมาจากห้อง จำปาได้ยินเสียง เอ็ดว่าเป็นม้าดีดกะโหลก เธอชะงักเล็กน้อยแล้วถาม
“คุณป้าเจ้าคะ หมื่นสุนทรเทวาอยู่ที่ไหนเจ้าคะ”
“นี่...ออเจ้าชักจะกำเริบใหญ่กำเริบโต...พูดกับผู้ใหญ่ ไยไม่นั่งให้เรียบร้อย”
เกศสุรางค์กล่าวขอโทษแล้วนั่งลงถามใหม่ จำปาตำหนิอีกว่าเป็นน้องไยเรียกเต็มยศ เธอบ่นว่าผิดอีกแล้วถอนใจถามอีกครั้งว่าอยู่ไหนคะคุณป้า จำปายิ่งไม่พอใจ
“ออเจ้าผิดแผกไปมาก...บอกมานะว่าออเจ้าเป็นใคร ออเจ้าไม่ใช่การะเกดคนเดิม มาจากไหน เหตุใดต้องมาสิงร่างหลานของข้า บอกมา หาไม่แล้วข้าจะให้หมอเวทหมอมนต์มาขับไล่”
เกศสุรางค์โอดครวญว่าตนไม่ใช่ผีสาง ถึงขั้นสาบาน หรือจะให้ทำอย่างไรก็ได้ กลับโดนจำปาหาว่ากำเริบเสิบสาน วาจาหยาบคาย พูดไม่เหมือนชาวเรา แล้วถามว่าเธอเป็นคนเมืองไหน
“ถ้าข้าเป็นผี วันหนึ่งคุณลุงต้องจับได้ค่ะคุณป้า คุณลุงเก่งจะตาย”
จำปาจ้องหน้าทำนองเรียกตนว่าอะไร แล้วไล่ให้ไปพ้นหน้า เกศสุรางค์จึงยกมือไหว้ก่อนจะรีบเดินไป ไม่วายจำปายังกำชับผินกับแย้มให้ไปบอกเจ้านาย ถ้ากำเริบจะส่งกลับสองแคว
ผินกับแย้มรีบมาเตือนเกศสุรางค์ตามคำของจำปา แต่เธอไม่สนใจพยายามตามหาหมื่นสุนทรเทวา ผินรีบบอกว่าควรจะเรียกท่านหมื่นว่าคุณพี่ถึงจะถูก เธอพยักหน้ารับอย่างหน่ายใจ
จวบจนบ่ายแก่ เกศสุรางค์นั่งรอหมื่นสุนทรเทวาที่ท่าน้ำ ปริกไปซื้อของกลับมาเห็นก็เชิดใส่ ทำให้เกศสุรางค์ รู้ว่า นี่เป็นอีกคนที่เกลียดการะเกด...ปริกรีบมารายงานจำปาว่าการะเกดไปนั่งหน้าขาวอยู่ที่ท่าน้ำ จำปาขุ่นเคืองใจอยากรู้ว่าไปนั่งรออะไร ปริกยิ่งใส่ไคล้
“ควรแล้วเจ้าค่ะที่คุณหญิงท่านเกลียด เป็นแม่หญิงที่น่าเกลียดน่าชังที่สุด บ่าวที่ชอบแม่หญิงหามีสักคนจะมีก็แต่อีบ่าวสองคนที่ติดตามแม่หญิงมาจากเมืองสองแควนั่นแหละเจ้าค่ะ”
ด้านเกศสุรางค์คิดว่า เมื่อต้องมาอยู่ร่างที่มีแต่คนเกลียด ก็คงต้องสู้กันสักตั้ง พลันน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยคิดถึงแม่และยาย ท่านทั้งสองไม่มีทางรู้เลยว่าตนอยู่ที่ไหน ผินกับแย้มเห็นแม่นายร้องไห้ก็เข้าใจว่าคิดถึงพ่อแม่ จึงบอกว่าท่านเฝ้ามองอยู่บนสวรรค์ หญิงสาวมองหน้าบ่าวทั้งสองแล้วโผกอดร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น จากนั้นขอให้เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลี
ในขณะเดียวกัน หมื่นสุนทรเทวาดื่มสุราอยู่กับหมื่นเรืองที่ตลาดน้ำบางกะจะ หมื่นเรืองซักถามเรื่องที่เขาลือกันหัวคุ้งท้ายคุ้งว่า แม่หญิงการะเกดต่อปากต่อคำกับออกหลวงสุระสงคราม จนหลวงผู้นั้นจนมุม หมื่นสุนทรเทวาทำหน้านิ่ง หมื่นเรืองแปลกใจทำไมถึงไม่ชอบนาง ทั้งที่นางงามออกปานนั้น ทำให้นางริษยาแม่หญิงจันทร์วาดจนถึงขั้นล่มเรือ
“ลางทีอาจไม่ใช่ เพราะนางรอดพ้นมนต์กฤษณะกาลี” หมื่นสุนทรเทวาแก้ต่างให้
“เช่นนั้นคงลือไปเอง มนต์กฤษณะกาลีศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ผู้ใดก็รู้กันทั่ว”
เมื่อกลับถึงบ้าน หมื่นสุนทรเทวาเจอเกศสุรางค์รออยู่ก็จะเลี่ยงหนี แต่เธอตามดักหน้า ขอให้เขาพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ผีเข้า แค่ความจำเสื่อม ด้วยการให้เขาใช้มนต์กฤษณะกาลีกับเธออีกครั้ง ถ้าผีเข้าจริงคงทนฤทธิ์มนต์นี้ไม่ได้ ท่านหมื่นตกใจเลี่ยงว่า อย่าตอแยผิดวิสัยหญิง น่ารังเกียจ
เกศสุรางค์ถอนใจจะอะไรกันนักหนา...กลับเข้าห้องเอาผ้าที่เลือกไว้ออกมาเย็บกางเกงในไว้ใส่
ผินกับแย้มมองอย่างงงๆ...ส่วนหมื่นสุนทรเทวาทำทีไม่สนใจฟังเกศสุรางค์ แต่ก็นำความมาปรึกษาจำปาและออกญาโหราธิบดี แล้วให้ปริกไปตามการะเกดออกมากินข้าวเย็น
ปริกวางท่าไม่ชอบการะเกดอย่างออกนอกหน้า บอกคุณหญิงให้มาตามออกไปกินข้าว เกศสุรางค์ก้มหน้าเย็บผ้า ปากก็ตอบว่า วันนี้ไดเอตไม่กินข้าว ปริกฟังไม่เข้าใจ นำความกลับมาบอกจำปาว่าแม่หญิงไม่รับทาน เพราะวันนี้โดนเอ็ด...จำปาแปลกใจใครที่เอ็ดนาง ปริกจีบปากจีบคอบอกว่าคุณหญิงเป็นคนเอ็ด ท่านหมื่นก็เอ็ดด้วย ใครๆก็ได้ยิน ท่านหมื่นแปลกใจ นางโดนเอ็ดตลอดไม่เคยเอามาเป็นอารมณ์ ทำไมตอนนี้ทำตัวดื้อด้านขึ้น
ทันใดเกศสุรางค์คลานเข่าเข้ามาเพราะเอะใจว่า ปริกจะรายงานให้ร้ายตน จำปาหาว่าชอบหาเรื่องบ่าว เกศสุรางค์จึงถามว่าปริกรายงานว่าอย่างไร จำปาไม่พอใจที่สวนคำผู้ใหญ่
“ข้าไม่หิว จึงบอกนังปริก ข้าเห็นแล้วว่ามันน่ะรีบออกมา ข้าก็เลยเดาว่ามันจะต้องมาเพ็ดทูลอะไรแน่นอน จริงไหมนังปริก”
ปริกยืนยันว่าพูดตามคำของนาง เกศสุรางค์ให้พูดอีกครั้ง ปริกจึงบอกว่านางโดนเอ็ด
“โดนเอ็ด...เป็นบ้าไปเหรอ โดนเอ็ดไม่เห็นต้องอดข้าว”










